
ป.ป.ช.ร่วมมือสตช. รวบตัว 'ปรีชา แสนศักดา' ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีช่วยเจ้าพนักงานป่าไม้เรียกรับสินบน หลังหลบหนีไปไต้หวัน ก่อนถูกผลักดันส่งตัวกลับไทย ถูกเข้าจับกุมที่สนามบินดอนเมือง 15 ธ.ค. ส่งตัวฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวการจับกุมตัวนายปรีชา แสนศักดา ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานป่าไม้ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ประจำหน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู ในการเรียกรับเงินจากผู้ถือใบอนุญาตเลื่อยโซ่ยนต์ในพื้นที่ หลังหลบหนีไปยังไต้หวัน ก่อนจะถูกผลักดันส่งตัวกลับประเทศไทยและเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 สำนักกิจการและคดีทุจริตระหว่างประเทศ และสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมตัวนายปรีชา แสนศักดา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกรณีเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานป่าไม้ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ประจำหน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู ในการเรียกรับเงินจากผู้ถือใบอนุญาตเลื่อยโซ่ยนต์ในพื้นที่ โดยนายปรีชาฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่ 26/2564 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2564
นายปรีชาฯ ได้เดินทางหลบหนีไปยังไต้หวัน สำนักงาน ป.ป.ช. จึงประสานไปยังสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) และได้รับการยืนยันข้อมูลว่านายปรีชาฯ มีถิ่นอาศัยซึ่งระบุได้โดยชัดเจนในไต้หวัน จนนำไปสู่การประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลกรุงเทพฯ เพื่อร่วมมือในการติดตามจับกุมผู้ถูกกล่าวหาและส่งตัวกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ในการนี้ นายปรีชาฯ ได้ถูกผลักดันส่งตัวกลับประเทศไทยและเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สนธิกำลังร่วมกันเข้าจับกุมพร้อมแสดงหมายจับ และได้แจ้งข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามหมายจับให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบพร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมาย รวมถึงดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และนำตัวผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าว ไปทำบันทึกจับกุม จากนั้นนำตัวส่งสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 4 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา