
ศาลปกครองพิพากษายกฟ้องคดีประชาชนฟ้องกองทัพบกใช้ IO โจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง ชี้ยังรับฟังไม่ได้ว่าบัญชีอวตารที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 เป็นบัญชีที่สร้างโดยกองทัพบก เหตุบัญชีอวตารอาจถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใดก็ได้-'ยิ่งชีพ' แจงศาลเชื่อแล้วว่าเอกสารคำสั่งใช้ IO เป็นของจริง เตรียมอุทธรณ์ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2568 ศาลปกครองอ่านคำพิพากษาคดีประชาชนยื่นฟ้องกองทัพบกต่อศาลปกครอง จากกรณีการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้ผู้ฟ้องคดีเสียหาย โดยมีผู้ฟ้องคดี 3 ราย ได้แก่ นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการ iLaw และ นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ สื่อมวลชน
โดยศาลปกครองพิพากษายกฟ้อง
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 รายให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายยิ่งชีพ กล่าวว่า ตุลาการศาลปกครองและตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นคล้ายกัน คือ เชื่อว่าเอกสารราชการบันทึกข้อความต่าง ๆ ที่มีการสั่งการระบุให้มีการปฏิบัติการต่อผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง การลงลายมือชื่อต่าง ๆ ที่พวกเราส่งไปทั้ง 5 ฉบับ เป็นเอกสารจริง แม้กองทัพจะปฏิเสธว่าเป็นเอกสารปลอม แต่กองทัพก็ไม่ดำเนินคดีเรื่องเอกสารปลอม ตอนนี้ศาลก็รู้แล้วว่ากองทัพบกมีความเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายศาลก็ยังวกกลับมาว่า การที่มีบัญชีในโลกออนไลน์เหล่านี้มาปฏิสัมพันธ์กับบัญชีของพวกเราอาจเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเรา อาจไม่ได้เป็นปฏิบัติการที่ทำตามคำสั่งกองทัพ สรุปว่ายกฟ้อง
"อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงที่เราพยายามพิสูจน์ศาลก็เชื่อหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ให้ เพราะไม่รู้ว่าตอนกดโพสต์คนโพสต์คิดอะไร เป็นการตามคำสั่งหรือทำตามความเห็นส่วนตัว คดีนี้เราคิดว่าชนะยากเพราะบรรยากาศทางการเมือง ดังนั้นศาลยอมเชื่อเรามาหลายก้าวก็เป็นพัฒนาการที่สำคัญ ที่ยืนยันว่าเอกสารที่เราส่งไป กองทัพบอกว่าไม่จริง แต่ศาลบอกว่าจริงก็ถือว่ามีความก้าวหน้าแล้ว" นายยิ่งชีพ กล่าว
นายยิ่งชีพ กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าอย่างไรกองทัพก็ใช้ IO ต่อไป วันนี้ที่เราฟ้อง คือ ฟ้องกองทัพบก แต่ก็ยังมีหน่วยงานอื่นที่ใช้อยู่ อย่างไรเสียโครงการ IO ก็ยังดำเนินการต่อไป เราต้องการคำพิพากษายืนยันว่าสิ่งนี้ (IO) เป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ซึ่งช่วงต้น ๆ ของคำพิพากษาก็มีการยืนยันว่าการที่หน่วยงานราชการจะใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการข้อมูลข่าวสาร (IO) ด้อยค่าผู้เห็นต่างทางการเมืองเพื่อสนับสนุนบางรัฐบาลทำไม่ได้
"อยากขอบคุณคนในกองทัพที่เสียสละอนาคตของตนเองแล้วนำเอกสารไปให้สส. แล้วสส.ก็ไปอภิปรายในสภา ก็ขอบคุณคนคนนั้นมาก แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร ขอบคุณสส.ที่อภิปรายแล้วเปิดเผยเอกสารเป็นสาธารณะ แม้ผลวันนี้จะไม่ 100% แต่ก็มาหลายก้าว ส่วนประเด็นอุทธรณ์มีแค่ว่าโพสต์เหล่านั้นเป็นความเห็นส่วนตัวหรือคำสั่งของกองทัพ" นายยิ่งชีพ กล่าว
นางสาวสฤณี กล่าวว่า คำพิพากษาวันนี้ถือเป็นความก้าวหน้าแล้วเพราะเอกสารเป็นของจริง แปลว่ามีการสั่งปฏิบัติการ IO จริง ในคำตัดสินศาลก็แยกแล้วว่ามีการประชาสัมพันธ์ทั่วไป กับการปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ก็ถือว่าเป็นความคืบหน้า ตนเองคิดว่าจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อไป เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ตนเองคิดว่าต่อให้มีเจ้าหน้าที่บางคนมาแสดงความเห็นส่วนตัวก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการปฏิบัติการข่าวสาร ตามเอกสารคำสั่งของกองทัพ
นายวิญญู กล่าวว่า ตนเองก็เห็นโอกาสในการอุทธรณ์ ผลที่ออกมาวันนี้อย่างน้อยก็แสดงให้ประชาชนคนอื่นที่ถูกคุกคาม ก็ส่งผลกระทบที่ดีต่อสังคมว่ายังมีทางไปต่อ เท่าที่ดูรายละเอียดวันนี้ก็เห็นช่องทางการอุทธรณ์ต่อไป
ทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 3 ราย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 โดยคำฟ้องในคดีนี้อาศัยหลักฐานจาก เอกสารจากการอภิปรายจากสส.พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน ประกอบกับการเผยแพร่รายงานของบริษัท ทวิตเตอร์ (ปัจจุบันคือแอปพลิเคชัน X) ที่ตรวจพบว่า มีกลุ่มบัญชีปลอมที่เชื่อมโยงกับกองทัพบกของไทย พบทวิต (ข้อความ) ที่มุ่งโจมตีผู้ฟ้องคดีทั้งสามด้วยถ้อยคำหยาบคาย และรายงานการตรวจสอบของเฟซบุ๊กที่พบพฤติกรรมการใช้งานของบัญชีที่ไม่เป็นธรรมชาติ โดยมีความเชื่อมโยงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
@ รายละเอียดคำพิพากษา
ต่อมาศาลปกครองกลางเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ กรณีศาลปกครองมีคำพิพากษาคดีบุคคลฟ้องกองทัพบกและผู้บัญชาการทหารบก ว่ากระทำละเมิดจากการปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation หรือ IO)
ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 368/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 2522/2568 ระหว่าง นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล ที่ 1 นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ที่ 2 นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่ 3 ผู้ฟ้องคดี กับกองทัพบก ที่ 1 ผู้บัญชาการทหารบก ที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดี
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการข่าวสารในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อการดำเนินการสื่อสารข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้กลุ่มผู้รับข้อมูลเกิดการรับรู้และมีทัศนคติเชิงบวกต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงมีการดำเนินการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวปลอมหรือข่าวที่กระทบต่อความรู้ความเข้าใจของประชาชนในวงกว้าง โดยที่สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเข้ามาแบ่งปันคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องราวที่ตนเองสนใจให้แก่เพื่อนในกลุ่มหรือสาธารณชนได้เห็น และอาจเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้
อีกทั้งเรื่องราวเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่เจ้าของบัญชีหรือคนอื่นได้แบ่งปันไว้ในบัญชีสังคมออนไลน์อาจก่อให้เกิดความดีใจ เสียใจ ชอบใจ ไม่ชอบใจ แล้วแต่ทัศนคติพื้นฐานความเชื่อของผู้ใช้โซเชียลมีเดียแต่ละราย คนที่ไม่ชอบใจก็อาจโพสต์แสดงความเห็นในเชิงลบเอาไว้ได้ ประกอบกับบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ฟ้องคดีทั้งสามเปิดให้สาธารณชนเข้าถึงได้ การเข้าถึง ติดตามบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ฟ้องคดีทั้งสามโดยกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อหรือความเห็นแตกต่างจากผู้ฟ้องคดีทั้งสามที่นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ การกระทำที่เกิดในบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ฟ้องคดีทั้งสามกระทำโดยผู้ใช้บัญชีที่มีการสร้างบัญชีที่ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นทราบตัวตนของผู้ใช้บัญชีนั้นได้ ซึ่งโดยทั่วไปมักเรียกผู้ใช้บัญชีที่ไม่ระบุตัวตนเช่นนี้ว่าอวตาร โดยที่บัญชีอวตารอาจถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใดก็ได้ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเจ้าหน้าที่ในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เท่านั้นที่สามารถสร้างบัญชีอวตารได้
ฉะนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่า มีบัญชีสื่อออนไลน์อวตารจำนวนหนึ่งนำเสนอข้อความหรือแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ฟ้องคดีทั้งสามโดยไม่ถูกต้อง บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความด้วยข้อมูลเท็จ และเป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสามกล่าวอ้างก็ตาม แต่ก็ยังรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
และรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีการใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งสาม พิพากษายกฟ้อง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา