
'สมพงษ์ อมรวิวัฒน์' อดีต หน.เพื่อไทย ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ด้าน 'สรวงศ์ เทียนทอง' เลขาฯ เผยพรรครู้สึกเสียใจ แต่ต้องเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ ยอมรับมีปัญหา Generation Gap-'วราภรณ์ ตั้งภากรณ์' สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 42 เลื่อนขึ้นแทน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลาออกของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค จากสมาชิก โดยยอมรับว่าพรรครู้สึกเสียใจต่อการตัดสินใจของนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญและเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพของพรรคมาอย่างยาวนาน
นายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคได้รับทราบความประสงค์ของนายสมพงษ์ที่ต้องการจะพักผ่อนทางการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากอายุมากถึง 80 กว่าปี ประกอบกับมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะใกล้สิ้นสุดสมัยประชุมสภาและอาจมีการยุบสภาในไม่ช้า
"ท่านก็พูดมาหลายรอบแล้วว่าอยากจะพัก ด้วยวัย 80 กว่า แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็ทำให้ท่านชะลอไว้" นายสรวงศ์กล่าว
นายสรวงศ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนหนึ่งของการตัดสินใจอาจเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจในสถานการณ์การเมืองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรค โดยนายสมพงษ์เองก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ก็อาจจะมีการน้อยอกน้อยใจกันเกิดขึ้น ตนในฐานะเลขาธิการพรรคก็ได้รับทราบเรื่องนี้มาพอสมควร
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาความแตกต่างทางความคิดระหว่างช่วงวัย (Generation Gap) เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริง ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายสมพงษ์
นายสรวงศ์ กล่าวถึงสถานการณ์ 'เลือดไหล' ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า เป็นวัฏจักรปกติทางการเมือง ที่มีคนเข้าและออกอยู่เสมอ พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยังมีบุคลากรใหม่ๆ เข้ามาเสริมทีมอย่างต่อเนื่อง
"ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติครับ มีออกก็มีเข้า นี่คือวัฏจักรของการเมือง ทั้งนี้ มีแคมเปญ 'ยกเครื่องเพื่อไทย' ที่กำลังดำเนินอยู่นั้น ไม่ใช่เพราะพรรคมีปัญหา แต่เป็นการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมรับใช้ประชาชนในอนาคต" นายสรวงศ์ กล่าว
นายสรวงศ์ กล่าวด้วยว่า การลาออกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าจากการลงพื้นที่ ส.ส. ของพรรคยังคงได้รับการตอบรับและกำลังใจเป็นอย่างดี และเชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะและเข้าใจในการทำงานของพรรคได้
"ผมยังมั่นใจครับว่าพี่น้องประชาชนยังเห็นถึงความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยในการที่จะพัฒนาประเทศ" นายสรวงศ์กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ อดีต สส.นครสวรรค์ จะเลื่อนขึ้นมาเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยแทนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์
@ 'สมพงษ์’ เผยลาออกเหตุขัดแย้งภายในพรรค ถูกลดบทบาท-ไม่เห็นหัว ยันไม่ได้โดนดูด
ในวันเดียวกันนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ทีมงานนำเอกสารใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปยื่นแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อไปด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจหลังจากที่ได้ทบทวน และประมวลอย่างรอบด้านแล้ว
สาเหตุมาจากปัญหาการบริหารจัดการภายในพรรคที่สะสมมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 และยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับการที่ พรรคเพื่อไทย ต้องมาเป็นฝ่ายค้าน หรือเผชิญกระแสตกต่ำในช่วงนี้แต่อย่างใด
“ยืนยันว่า เป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในพรรค สะสมมาถึงจุดหนึ่งที่ไปต่อไม่ไหว ไม่ได้เกี่ยวกับการที่พรรคต้องมาเป็นฝ่ายค้าน และยืนยันว่าไม่ได้ถูกพรรคไหนดูด เพราะแม้จะมีคนรู้จัก และสนิทสนมคุ้นเคยกับหลายพรรคการเมือง แต่คงไม่มีพรรคไหนกล้ามาดูดผมแน่นอน” นายสมพงษ์ ระบุ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ชนวนเหตุสำคัญที่ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะระยะหลังการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของพรรคมีปัญหาค่อนข้างมาก การเสนอความคิดเห็นใดๆ ไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้มากบารมีในพรรค
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อเหลือเกิน ว่า สส.ในพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ก็อึดอัดใจกับสถานการณ์ในพรรคที่เกิดขึ้น และรับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ แต่เผอิญที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็เลยไม่ถูกนำมาพูดถึง เรื่องก็เลยซุกอยู่ใต้พรมมาตลอด ผู้บริหารเองก็ทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ทั้งที่มีผลการเลือกตั้งทั้งในระดับ สส. หรือในระดับท้องถิ่น ก็ฟ้องอยู่ว่า พรรคตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ที่สำคัญช่วง 2 ปีที่ได้เป็นรัฐบาล ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ยังมาเจอวิกฤตแทรกซ้อน จนปรับกระบวนท่ากันไม่ถูก
"ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดก็ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งตนเคยมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการมาตลอด ก่อนจะถูกลดบทบาท กระทั่งไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือเสนอแนะใดๆ ได้เลย อย่างที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพรรค ยึดครองมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย แต่การเลือกตั้งล่าสุด แทบเอาตัวไม่รอด ได้มาแค่ 2 จาก 10 เขตเลือกตั้ง ขณะที่คะแนนบัญชีรายชื่อก็ตามหลังคู่แข่งเป็นแสนคะแนน ถือเป็นจุดบ่งชี้ชัดเจนว่า กำลังเดินผิดทาง ไม่รีบปรับก็ลงเหว" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า จุดเปลี่ยนก็คงตั้งแต่พรรคเปลี่ยนมาสนับสนุน นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร เป็นผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อปี 2563 แม้จะชนะมาได้ 2 สมัย แต่ก็ต้องระดมทุกองคาพยพไปช่วย ปัญหาจริงๆ อยู่ตัวนายก อบจ.เชียงใหม่ ทำงานแบบไม่เอาใคร ไม่เคยประสาน สส. หรือผู้สมัคร สส. ของพรรคที่ไม่ใช่พวกตัวเอง ก็เลยพังอย่างที่เห็น



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา