
ศาลปกครองกลางสั่ง กทม.-กรุงเทพธนาคม จ่ายหนี้เดินสายสีเขียวก้อนที่ 2 อีก 1.1 หมื่นล้าน ปัดตกเหตุป.ป.ช.สอบสัญญาจ้างเดินรถ เป็นคนละเรื่อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 29 กันยายน 2568 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีฟ้องขอให้ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตั้งแต่งวดเดือนมิถุนายน 2565-เดือนตุลาคม 2565
สำหรับรายละเอียดของคดี ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2505/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 2266/2568 ระหว่าง บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ในฐานะผู้ฟ้องคดี กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ บจ. กรุงเทพธนาคม (เคที) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดย BTSC ฟ้องว่า กทม.และกรุงเทพธนาคมไม่ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1-2 ตั้งแต่งวดเดือนมิถุนายน 2565 - เดือนตุลาคม 2565 ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ตามสัญญา พร้อมดอกเบี้ยคิดคำนวณจนถึงวันฟ้องคดีรวมเป็นเงินจำนวน 11,068,555,611.61 บาท
ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีของศาลปกครองสูงสุด หมายเลขดำที่ อ.2226/2565 หมายเลขแดงที่ อ. 725/2567 เนื่องจากมีคู่กรณีและสัญญาที่พิพาทเป็นอย่างเดียวกัน ดังนั้น ประเด็นเรื่องความสมบูรณ์ของสัญญาที่พิพาทในคดีนี้จึงได้รับการวินิจฉัยชี้ขาดแล้วโดยศาลปกครองสูงสุด และเป็นที่สุดตามมาตรา 73 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542
สำหรับประเด็นเรื่องยอดหนี้ตามคำฟ้อง ปรากฏว่า กรุงเทพธนาคมได้ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ให้แก่ผู้ฟ้องคดีบางส่วนแล้ว แต่ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 จนถึงเดือนตุลาคม 2565 ทั้งส่วนต่อขยายที่ 1-2 ที่ต้องชำระให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยกทม. ในฐานะผู้ว่าจ้างและผู้มอบหมายให้กรุงเทพธนาคม ดำเนินกิจการทางปกครองดังกล่าว จึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ค่าให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่กรุงเทพธนาค ค้างชำระทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฟ้องคดี
ส่วนกรณีที่กทม.และกรุงเทพธนาคมกล่าวอ้างการนำสูตรคำนวณในเอกสารแนบท้าย 7 ของสัญญามาใช้ในการคำนวณหนี้เงินและดอกเบี้ยค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงตามสัญญานั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการปรับค่าจ้างใหม่ตามปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลงตามข้อ 7.4 ของสัญญา กทม.และกรุงเทพธนาคมจึงไม่อาจนำสูตรคำนวณในเอกสารแนบท้าย 7 ของสัญญามาใช้ในการคำนวณหนี้เงินและดอกเบี้ยค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่ต้องชำระให้แก่ BTSC ได้
@ป.ป.ช.สอบไม่เกี่ยว
ส่วนกรณีการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในส่วนของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 13 คน กรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการขยายอายุสัญญาสัมปทานหรือทำสัญญาเพิ่มเติมให้กับผู้ฟ้องคดีในการประกอบกิจการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร นั้น เห็นว่า ข้อมูลการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขยายอายุสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชน กทม. แต่ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไม่ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งเป็นคนละสัญญาแยกต่างหากจากสัญญาสัมปทาน การชี้มูลดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อสัญญาที่พิพาทในคดีนี้
ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดี สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,895,049,026.55 (สองพันแปดร้อยเก้าสิบห้าล้านสี่หมื่นเก้าพันยี่สิบหกบาทห้าสิบห้าสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,771,356,222.15 บาท (สองพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านสามแสนห้าหมื่นหกพันสองร้อยยี่สิบสองบาทสิบห้าสตางค์) และสำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 8,173,420,912.28 (แปดพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามล้านสี่แสนสองหมื่นเก้าร้อยสิบสองบาทแปดสิบแปดสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 7,848,122,792 (เจ็ดพันแปดร้อยสี่แปดล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบสอง) บาท ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาทบวกร้อยละ 1 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนของการชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคำนวณรวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ยอดทั้งหมดจะอยู่ที่ 21,687 ล้านบาท แต่ถ้านับเฉพาะเงินต้นจะอยู่ที่ 11,068,469,939.83บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า BTSC เคยแถลงข่าวเมื่อเดือน ก.ค. 2567 ถึงหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่มีกับกทม.และกรุงเทพธนาคม โดย ณ ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 มีจำนวนหนี้ 39,402 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ให้กทม. และ KT ร่วมกันชำระให้กับบีทีเอสเป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท
2.ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ให้กทม. และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับ BTSC ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (หนี้ค่าจ้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ถึง ตุลา คม 2565) เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
3.ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท
ซึ่งไม่รวมค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา