
ป.ป.ช.มีมติชี้มูล-ส่งสำนวน อสส.ยึดทรัพย์ 2 อดีตนายก อบต.แม่พริก-หัวง้ม เผยอดีตนายก อบต.หัวง้มรวย 12.6 ล. มีเงินฝากร่วม 3 ล. นำเงินไปซื้อรถขุด-รถบรรทุกอีก 3 รายการ ส่วนอดีตนายก อบต.หัวง้มรับเงินจากคู่สัญญารัฐ 6.1 แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 ส.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลพร้อมส่งความเห็นให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยึดทรัพย์ นายไกรวิชญ์ ปัญญาชัย เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลแม่พริก อําเภอแม่พริก จังหวัดลําปาง ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินที่ไม่สัมพันธ์กับรายได้ รวมเป็นเงินจํานวน 12,644,010.54 บาท
และนายวินัย เครื่องไชย เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหัวง้ม อําเภอพาน จังหวัดเชียงราย ร่ำรวยผิดปกติ รวมเป็นเงินจํานวน 616,000 บาท
โดยรายละเอียดทรัพย์สินของนายไกรวิชญ์ 12,644,010.54 บาท ที่ชี้แจงรายละเอียดไม่ได้มีดังต่อไปนี้
1. เงินฝากเข้าบัญชีนอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับจากการดํารงตําแหน่ง จํานวน 2 รายการ 1.1 เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) สาขาสบปราบ ชื่อบัญชี นายไกรวิชญ์ ปัญญาชัย จํานวน 3,387,101.94 บาท
1.2 เงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเถิน ชื่อบัญชี นายไกรวิชญ์ ปัญญาชัย จํานวน 5,477,519 บาท
2. เงินที่นําไปชําระค่าเช่าซื้อรถ จํานวน 3 รายการ
2.1 ค่าเช่าซื้อรถขุดไฮดรอลิค ยี่ห้อโคมัตสุ ตามสัญญาเช่าซื้อ ลงวันที่ 31 มีนาคม 2554 ที่มีชื่อคู่สมรสเป็นผู้ครอบครอง รวมจํานวน 2,155,000 บาท
2.2 ค่าเช่าซื้อรถขุดไฮดรอลิค ยี่ห้อโคมัตสุ ตามสัญญาเช่าซื้อ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2555 ที่มีชื่อคู่สมรสเป็นผู้ครอบครอง รวมจํานวน 1,230,447 บาท
2.3 ค่าเช่าซื้อรถบรรทุกยี่ห้อ MITSUBISHI ที่มีชื่อคู่สมรสเป็นผู้ครอบครอง รวมจํานวน 393,942.60 บาท
ส่วนรายละเอียดทรัพย์สินของนายวินัย 616,000 บาท ป.ป.ช.ระบุว่าข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2564 ขณะที่นายวินัย เครื่องไชย ดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหัวง้ม อําเภอพาน จังหวัดเชียงราย มีรายการโอนเงินจากบัญชีเงินฝาก ของหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจํากัด สุภีร์ เจริญทรัพย์ ซึ่งเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตําบลหัวง้ม เข้าบัญชีเงิน ฝากของนายวินัย เครื่องไชย จํานวน 22 ครั้ง รวมเป็นเงินจํานวน 616,000 บาท โดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
ให้ส่งรายงาน สํานวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคําร้อง ต่อศาลซึ่งมีเขตอํานาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน
และให้ส่งคําวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอํานาจสั่งทั้งให้ทั้งสองรายพ้นจากตําแหน่ง
ภายในหกสิบวัน และให้ถือว่ากระทําการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคห้า
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ํารวยผิดปกติตกเป็นของ
แผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายใน
ระยะเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา