
ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แถลง ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฎการคุกคามของกัมพูชา จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ปกป้องอธิปไตย-ความปลอดภัยประชาชน ก.มหาดไทย รายงานตัวเลขผู้อพยพเกิน 1.9 แสนราย ชี้ สถานการณ์ยังเปราะบาง ย้ำ ห้ามบินโดรน 7 จว.ชายแดน ฝ่าฝืน โทษทั้งจำทั้งปรับ โฆษก สธ. เผย พลเรือนเสียชีวิต 15 ราย - แอดมิด 11 อาการสาหัส 8 กต. เตรียมส่งข้อมูล รพ.โดนกัมพูชา โจมตี เสียหายหนัก 4 แห่ง ถึง กก.กาชาดระหว่างประเทศ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สืบเนื่องจากกรณีการเจรจาและมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน ในฐานะเป็นคนกลาง รวมถึงมีประเทศผู้สังเกตการณ์ คือ จีน และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน จนถึงเช้าวันนี้ (30 ก.ค.68) ยังปรากฎการคุกคามของกัมพูชา 4 เหตุการณ์ ตามที่กองทัพบกได้ออกแถลงการณ์
อ่านประกอบ : ทบ.สรุปสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังเจรจาหยุดยิง เผยอีกฝ่ายเข้าปะทะ 3 จุด ละเมิดข้อตกลงชัด
“ไทยยังคงยึดมั่นในความอดทนอดกลั้น เชื่อมั่นในกระบวนการด้านสันติภาพและหลักมนุษยธรรม แต่ถ้าอธิปไตยของไทยถูกละเมิด ก็มีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเหมาะสมเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นจุดยืนของไทยตั้งแต่ต้น”พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าว
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า ขณะที่กระทรวงมหาดไทยรายงานตัวเลขผู้อพยพมีจำนวน 190,104 ราย ซึ่งอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง 780 แห่ง ทั้งนี้ สถานการณ์ขณะนี้ยังมีความเปราะบางขอให้ประชาชนรอการยืนยันจากรัฐบาลเรื่องความปลอดภัย จึงขอให้อยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้ก่อนกลับบ้านพักอาศัย
@ ห้ามบิน ‘โดรน’ ฝ่าฝืน โทษจำคุก 1 ปี ปรับ 4 หมื่น
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการหารือในเรื่องการห้ามบินอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ในพื้นที่ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งเมื่อวันที่ 29 ก.ค.68 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศห้ามบินโดรนตั้งแต่จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี นครราชสีมา นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ชัยนาท พิจิตร และลพบุรี
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังห้ามบินโดรนทุกประเภทในรัศมี 9 กิโลเมตร หรือ 5 ไมล์ทะเล จากสนามบิน หรือ สถานที่ขึ้นลงชั่วคราวทุกแห่ง โดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษ จำคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สำการหารือระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น ในวันที่ 4 ส.ค.68 มีกำหนดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งฝ่ายไทยมีความพร้อม รอเพียงฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือมาถึงไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมจีบีซีที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ตามที่ตกลงกันไว้ ขณะที่การหารือกันระหว่างผู้นำระดับแม่ทัพภาคของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงในพื้นที่ และหวังว่าจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่สันติภาพในภูมิภาคและระหว่างประเทศทั้งสองประเทศ
@ โรงพยาบาล 4 แห่ง ถูกโจมตีเสียหายหนัก
ด้านนพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า สำหรับข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลา 10.00 น. เป็นพลเรือน 53 ราย ผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านได้แล้ว 13 ราย อย่างไรก็ตามมีพลเรือนที่กำลังแอดมิดอยู่ในโรงพยาบาล 11 ราย สาหัส 8 ราย ปานกลาง 3 ราย
นพ.วรตม์กล่าวว่า โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบต้องปิดบริการ 20 แห่ง แบ่งออกเป็นปิดทั้งหมด 11 แห่ง และเปิดบางส่วน เฉพาะห้องฉุกเฉิน 9 แห่ง ขณะที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 144 แห่ง ปิดทั้งหมด 140 เปิดบริการบางส่วน 4 แห่ง ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่ได้รับความเสียหายหนักจากการถูกโจมตีจากกัมพูชา 4 แห่ง รอประเมินเสียหายถึงโครงสร้างอาคารหรือไม่
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการ ศบ.ทก. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, รพ.สต. คำโปรย, รพ.สต. โคก, รพ.สต. ซำเม็ง
“ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือน”นายจิรายุกล่าวและว่า สำหรับโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ มีดังต่อไปนี้
-
โรงพยาบาลที่ต้องปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำขุ่น, น้ำยืน, นาจะหลวย, กันทรลักษ์, ภูสิงห์, กาบเชิง, พนมดงรัก, ปราสาท, บ้านกรวด, เฉลิมพระเกียรติ, และละหารทราย
-
โรงพยาบาลที่ปิดบริการบางส่วน 9 แห่ง โดยยังคงเปิดห้องฉุกเฉิน
-
รพ.สต. ได้รับผลกระทบ 144 แห่ง ปิดบริการ 140 แห่ง เปิดบางส่วน 4 แห่ง
นายจิรายุกล่าวว่า โดยเบื้องต้นพบความเสียหายจากการโจมตีโดยตรง 4 แห่ง อยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูโครงสร้างระยะยาว

@ อาคารภูมิพัฒน์ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา @

@ รพ.สต. คำโปรย @

@ รพ.สต. โคก @

@ รพ.สต. ซำเม็ง @
นายจิรายุกล่าวว่า รัฐบาลมิได้นิ่งนอนใจต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดตั้งทีมเพื่อช่วยเหลือประชาชน หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 1,168 ทีม (MERT, ALS, MCATT, SEhRT) และลงปฏิบัติงานในพื้นที่แล้วกว่า 494 ทีม ทั้งยังจัดทีมดูแลสุขภาพจิตในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วกว่า 21,430 คนปิดบริการบางส่วน 4 แห่ง ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีจากกัมพูชา 4 แห่ง
@ กต. ส่งข้อมูลเพิ่มถึง ไอซีอาร์ซี รพ.ได้รับผลกระทบ
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะ โฆษก ศบ.ทก. ด้านต่างประเทศ แถลงว่า การดำเนินการของฝ่ายไทยในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงประเทศผู้สังเกตการณ์ เพื่อแจ้งการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีหนังสืออีกฉบับถึงกัมพูชาโดยตรงอีกด้วย
“สำหรับการละเมิดล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ที่ภูมะเขือ กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติม เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันทีและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วนและเคร่งครัด”นางมาระตีกล่าว
อ่านประกอบ : กต.ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-'จิรายุ' ชี้อีกฝ่ายเข้าโจมตีตลอดคืน ยันเช้ามืด
นางมาระตีกล่าวว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่ระบุว่า มีโรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียภายหลังมีข้อตกลงหยุดยิง
@ ระดมสถานทูต-กงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ชี้แจง ข้อเท็จจริง
นางมาระตีกล่าวว่า สำหรับบทบาทของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกต่อการชี้แจงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานให้ที่ประชุม ศบ.ทก.ทราบถึงบทบาทเชิงรุกของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกหลายแห่งได้ร่วมแรงช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ในเรื่องท่าทีของไทยและหลักการที่ไทยยึดถือมาโดยตลอดให้รัฐบาลและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนท้องถิ่นและชุมชนไทย ให้ได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน และเข้าใจจุดยืนของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและกลับมาเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ
นางมาระตีกล่าวทิ้งท้ายว่า รวมถึงบทบาทของสำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ 4 แห่ง คณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียนและสถานทูตทุกแห่งที่มีหน้าที่ในกรอบพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศ เพื่อชี้แจงจุดยืนของไทยบนเวทีโลก โดยเฉพาะภายใต้อนุสัญญาต่างๆและพันธกรณีของไทย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา