นายกฯเผยรู้เรื่องแล้ว หลัง 21 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติขอปรับครม. โยนให้พรรคไปเคลียร์ให้จบก่อน ส่วนสัญญาใจ ‘อนุทิน’ เดี๋ยวคุยกัน ด้าน ‘ภูมิธรรม’ ชี้ไม่ควรลากนายกฯไปเกี่ยว ส่วนข่าว ‘พีระพันธุ์’ มาทำเนียบฯแต่ไม่ร่วมประชุมครม. ไม่ทราบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา
จากนั้น เวลา 11:05 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ณ ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยม และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่กำลังพล กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และพบปะประชาชน พูดคุยสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ ณ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และเดินทางกลับในช่วงเย็น
@รทสช.ร้าวให้คลียร์กันเอง ยังไม่มีการปรับครม.- กับ ‘อนุทิน’ เดี๋ยวคุย
ผู้สื่อข่าวสอบถามนายกรัฐมนตรีถึงเอกสารที่ 21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติลงชื่อถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคตัวเองนั้น ได้ส่งมาถึงมือแล้วหรือไม่ โดยนางสาวแพทองธาร ตอบว่า ”ถึงค่ะ ใช่ค่ะ“ ก่อนกล่าวต่อว่า “แต่เป็นเรื่องของพรรคเขาให้เขาเคลียร์กันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา”
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ ยังไม่มีอะไร ”
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ทวงถามถึงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ในการปรับครม. นายกรัฐมนตรีตอบว่า ”เดี๋ยวคงคุยกันค่ะ“ พร้อมชี้มือไปทางนายอนุทินที่เดินตามมาข้างหลัง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้แซว นายอนุทิน ว่า “เสี่ยหนูว่าอย่างไร” ก่อนที่นายอนุทิน จะยิ้มและเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินเข้าไปภายในห้องรับรองก่อนเดินทางไป จังหวัดสุรินทร์
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรียังยืนยันคำตอบเดิม ยังไม่ได้กระซิบอะไร ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครจะพูดอะไรรัฐมนตรีคนไหนจะพูดอย่างไรก็เป็นความเห็น แต่ทั้งหมดอยู่ที่อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะดูเองว่าใครเป็นอย่างไร ควรจะทำอะไรแค่ไหนและจะเป็นอย่างไรต่อไปอยู่ที่นายกฯ และเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูเหมือนจะมีปัญหาภายในที่ชัดเจนจะเป็นอุปสรรคในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยึดถือข้อตกลงเดิม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรต้องไปจัดการภายในของพรรคให้ชัดเจน เราคุยกันในฐานะที่เป็นพรรคจะเป็นอย่างไรต้องให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติออกมา
@ติง สส.รวมไทยสร้างชาติ ลากนายกฯเขย่าเก้าอี้ครม.ไม่ได้
เมื่อถามว่า กรณี 21 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติลงชื่อกดดันให้ปรับครม. โดยลากนายกรัฐมนตรีเข้าไปร่วมในการเคลียร์ปัญหา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใครอยากลากอย่างไรก็ลากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัว สิ่งที่ออกมาเป็นความเห็น ถึงอย่างไรต้องไปจัดการกันเองในพรรค เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศการทำงานของรัฐบาลแกว่งไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในครม. ไม่แกว่งและทำงานอย่างเต็มที่ แต่ที่แกว่งคือแกว่งอารมณ์ข้างนอก
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เข้าประชุม ครม. แต่เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามนายพีระพันธุ์ว่าติดอะไรและมีเหตุผลอย่างไร เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ตนก็ลาไปครึ่งชั่วโมง เข้าประชุมสาย มาทันช่วงที่นายกฯสั่งการเสร็จ
เมื่อถามว่า การที่สส.พรรครวมไทยสร้างชาติมีความเห็นแตกต่าง สุดท้ายหากมีเรื่องใดต้องยึดมติของพรรคเป็นหลักใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องปรับ ครม. สุดท้ายต้องยึดมติของพรรคเสนอมาอย่างเป็นทางการ ส่วนพรรคเขาจะส่งใครหรือไม่ส่งใคร หรือส่งอย่างไรเป็นสิทธิของเขา เรามีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่หัวหน้าพรรคคุยกัน และโดยหลักการแต่ละพรรคต้องไปจัดการในพรรคให้ชัดเจน เมื่อมีมติแล้วก็มอบหัวหน้าพรรคมาคุย และเสนอมาก็อาจจะไม่ได้หมด อาจมีคนที่เราเห็นว่าสมควรกว่าก็อาจจะบอกให้เขากลับไปดูก่อน ถ้าเขาดูไม่ได้จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องมาพิจารณา บางอันก็ต้องเคลียร์ว่าจะเอาคนกลางหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกฯที่จะพิจารณาจัดตั้งครม. ขอย้ำว่าต้องเป็นมติพรรคที่จะเสนอบุคคลมา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรคก็ต้องยึดมติพรรค