'สมศักดิ์'แจงปมวีโต้มติแพทยสภา ทำตามมาตรฐานบทลงโทษ ยันไม่มีใบสั่งเอื้อ 'ทักษิณ'

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 19:29 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

1481 views

300525 somsakkook

'สมศักดิ์'ชี้แจงปมวีโต้มติแพทยสภาลงโทษหมอคดีชั้น 14 รพ.ตร. เผยทำตามมาตรฐานบทลงโทษ ยันไม่มีใบสั่งเอื้อ 'ทักษิณ'

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวชี้แจงกรณีวีโต้มติแพทยสภารลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ได้ส่งความเห็นในฐานะสภานายกพิเศษ เกี่ยวกับการลงโทษแพทย์ที่ให้แก่แพทยสภา ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ในเนื้อหามีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 ราย และมี 1 ราย ที่ถูกยกคำร้อง โดยมีการลงโทษ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ ด้วยการตักเตือน ลงโทษพักใช้ใบอนุญาต พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนของ พญ.รวมทิพย์ ที่สั่งลงโทษด้วยข้อกล่าวหาว่าออกใบรับรองแพทย์ล่วงหน้าที่มีการตรวจร่างกายไว้ตั้งแต่ช่วงกลางวัน แต่การส่งตัวเกิดขึ้นตอนกลางคืน บอกว่าแพทย์ไม่มีอำนาจในการส่งตัว อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าในการพิจารณาเรื่อง ไม่ได้มีการพิจารณากฎหมายการส่งตัวของราชทัณฑ์ประกอบด้วย ซึ่งการส่งตัวนั้นเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ ตนจึงเห็นว่า เมื่อไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างครบถ้วน จึงเห็นสมควรว่า ต้องยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง

ส่วนผู้ถูกร้องที่ 3 ที่บอกว่ามีการให้สัมภาษณ์ 2 ครั้ง แต่ไม่มีการพูดคำว่า ผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติ ตนพยายามหาข้อมูลก็ไม่พบ มีเพียงการสัมภาษณ์ว่าอาการหนัก น่าเป็นห่วง และการสัมภาษณ์นั้นไม่ได้เตรียมตัว เป็นการสัมภาษณ์แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งผู้ถูกร้องเป็นนายแพทย์ใหญ่ได้รับรายงานข้อมูลอาการตอนตรวจ กับตอนสัมภาษณ์แตกต่างกัน แต่ไม่มีการพูดถึงคำว่าวิกฤติแต่อย่างใด

นายสมศักดิ์ ระบุว่า น่าเสียดายที่ตนไม่ได้รับข้อมูลจากอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมของแพทยสภา จึงพิจารณาตามที่มี ดังนั้น เห็นว่าควรยกประโยชน์ผู้ถูกร้อง

ขณะที่ผู้ถูกร้องที่ 4 ที่เขียนความเห็นแพทย์นั้น เขียนเพียงว่าการรักษายังไม่เสร็จสิ้น ให้รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรงพยาบาลอะไร ซึ่งในส่วนนี้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน ซึ่งผู้ถูกร้องรับทราบว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว 14 โรค รู้ถึงความซับซ้อนการรักษา อาจแตกต่างจากราชวิทยาลัย ที่รับรู้เพียงบางโรค การแสดงความเห็นแพทย์จึงไม่อาจเหมือนกันทั้งหมด ประกอบกับคณะอนุกรรมการสอบฯ สอบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีความผิด ตนจึงเห็นตามความเห็นของอนุกรรมการสอบฯ ว่าไม่มีความผิด เพราะเสียงส่วนใหญ่ก็ให้เขาไม่ผิดแล้ว ตนจึงเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้

“ข้อมูลอันเดียวกัน แต่มาตรฐานในการชี้ หรือลงโทษ หากเราปล่อยไปโดยสร้างมาตรฐานใหม่ ผมเห็นว่า แนวทางของการลงโทษแพทย์ทั้งหลายก็ต้องเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติใหม่ จะเดือดร้อนกันไปหมด ผมไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้ เว้นแต่แนวทางเหล่านี้ถูกปรับเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม ผมไม่อยากให้มีมาตรฐานใหม่ ดังนั้น หากทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติแล้วก็จะไม่มีอะไรออกมาโวยวาย หรืออย่างไร” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงเหตุผลการเพิ่มโทษของอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม ว่า ตนไม่มีข้อมูลรายละเอียด แต่เมื่อมีการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม และคณะกรรมการแพทยสภาเห็นตามนั้น อย่างไรก็ตาม ตนเห็นแต่ว่ามีมติตามนั้น แต่ของคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมีรายละเอียด

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้มองว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะมติแพทยสภาที่ผ่านมาตนก็ไม่มีการยับยั้งอาจเพราะไม่มีใครมาร้องเรียนหรือติดใจ แต่ครั้งนี้มีจึงต้องพิจารณาด้วยความเป็นธรรม

“ผมได้ใช้แนวทางส่วนใหญ่จากอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม ผมได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมไป 3ครั้ง แต่ไม่ได้รับข้อมูลใดๆกลับมา จึงจำเป็นต้องพิจารณาตามข้อมูลที่มีอยู่ คือ ข้อมูลจากคณะอนุฯสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ข้อมูลที่พิจารณาพบว่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม มีการเพิ่มโทษขึ้นไป ซึ่งประชุมในวันที่ 1 พ.ค. ต่อมาอีก 7 วัน คณะกรรมการแพทยสภาก็ลงความเห็นตามคณะอนุฯ กลั่นกรองจริยธรรม” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำงานของคณะอนุฯสอบสวนข้อเท็จจริง ทำงาน 4 เดือนจึงพิจารณาตัดสินบทลงโทษ แต่เท่าที่ทราบมาว่า คณะอนุฯกลั่นกรองจริยธรรมใช้เวลาสั้นๆ ไม่ถึง 1 วัน มีการเพิ่มโทษ จึงต้องเรียนในข้อเท็จจริงว่า จึงได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการแพทยสภา โดยพิจารณาตามข้อมูลที่มีอยู่ แต่เป็นไปตามมาตรา 25 พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม

“ผมเห็นด้วยกรณีผู้ถูกร้องที่ 1 แต่อีก 3 ท่าน ผมได้ทำหนังสือไปตามที่ระบุดังกล่าว” นายสมศักดิ์กล่าว

กรณีประชาคมแพทย์ออกมาร้องและระดมรายชื่อแพทย์ทั่วประเทศปลดท่านออกจาก รมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร เพราะว่า ตนเป็นนักการเมืองตั้งแต่ปี 2524 ตอนนี้กว่า 43 -44 ปีแล้ว ใช้เวลาการเมืองมานาน ไม่ต้องห่วง

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงพร้อมออกจากตำแหน่งว่า ตนมีความพร้อม ไม่ตระหนกตกใจอะไรทั้งสิ้น เราทำดีที่สุด ตรงไปตรงมา มีเหตุผล เราไม่ได้เอนเอียง หากเอนเอียงไป จะนอนก็รู้สึกหนาวสะท้าน แต่แบบนี้เรารู้สึกสบาย เพราะไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เพียงแต่เราปกป้องงานด้านนี้เพื่อให้มีมาตรฐานในการทำโทษคนที่มีสติปัญญาล้ำเลิศ คือแพทย์ เขาควรใช้ความรู้นี้ทำประโยชน์สูงสุด

อย่างไรก็ตาม เรื่องการประชุมของแต่ละชุด ก็มีคำพูดคำจา วิพากษ์วิจารณ์ว่า ถูกล้อบบี้หรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าอะไรที่เราทำงานให้รัฐ ทั้งนักการเมือง คณะกรรมการต่างๆ ที่มีผลต่อการลงโทษ หรือเจ้าหน้าที่รัฐก็ถูกจับจ้องทั้งนั้น หากไม่เป็นกลางก็จะลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมรับแรงกระแทกหรือไม่ หลายคนมองว่าการวีโต้เป็นการเปิดศึกกับแพทยสภา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จริง แพทย์ถ้ายังอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าตนออกมาปกป้อง เรื่องอัตราโทษที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเพิ่มโทษ อย่างในอดีตที่มีการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็มีการยกโทษให้ แต่วันนี้กลับมาโดนพักใบอนุญาต หากทำให้เขาตกงาน ครอบครัวพี่น้องเขาจะเป็นอย่างไร ตนมาเพื่อทำให้ทิศทางการลงโทษและอัตราโทษยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่าทำถูกต้อง เชื่อว่าไม่มีผลอะไรตามมา อย่าไปคิดมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง การวีโต้ถ้าไม่มีข้อมูลทำไม่ได้ และไม่มีข้อมูลใหม่ จะสั่งตนได้อย่างไร ทั้งนี้ ไม่ได้คุยอะไรกับนายทักษิณในเรื่องนี้ มีแค่ไลน์หลุด ไม่มีการเอื้อนายทักษิณที่จะขึ้นศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

อ่านประกอบ :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage

หมวดหมู่
ข่าว | Isranews
Tags
คดี ทักษิณ ชั้น 14 | สมศักดิ์ เทพสุทิน | แพทยสภา