
‘ชาตรี ลดาลลิตสกุล’ ศิลปินแห่งชาติ-หัวหน้าสถาปนิกโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ยื่นหนังสือต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะสร้างสรรค์ วุฒิสภา คัดค้าน ปิดสระมรกต-ปิดห้องสมุด โต้ ศาลาแก้วใช้งานไม่ได้จริง เผย มีหลังคาผ้าใบกันความร้อน เตือน ขยายที่จอดรถใต้ดินเพิ่ม ระวังน้ำท่วม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา นายชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสถาปนิกโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา อาคารรัฐสภาไทย (สัปปายะสภาสถาน) ยื่นหนังสือต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะสร้างสรรค์ วุฒิสภา เพื่อคัดค้านกรณีรัฐสภาต้องการต่อเติมอาคารรัฐสภา โดยการปิดสระมรกต เพื่อทำห้องสมุดและร้านค้าจากผู้ออกแบบ (สงบ 1051) จำนวน 5 ข้อ ดังนี้
1.กรณีอ้างน้ำเน่าและมียุงชุมนั้น เนื่องจากสระมรกตถูกออกแบบและมีระบบการกรองแบบสระว่ายน้ำ หากรัฐสภามีการดูแลตามปกติวิสัย มีการเปิดระบบให้น้ำไหลเวียนทุกวันตามมาตรฐานทั่วไป ก็ไม่สามารถเกิดยุงได้อย่างแน่นอน และกรณีสระมีการรั่วซึม หากจริงเป็นเรื่องคุณภาพการก่อสร้างควรเป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาเนื่องจากอยู่ในระยะประกันผลงานและเพิ่งตรวจรับงานมาเพียงไม่นาน รัฐสภาไม่จำเป็นต้องรับเอาปัญหาของผู้รับเหมามาเป็นของตนเอง
2. ความคิดที่จะย้ายห้องสมุดลงมาชั้น 1 นั้นไม่สมเหตุสมผล สิ้นเปลืองบประมาณโดยไม่จำเป็น และต้องแลกกับความเสียหายที่ไม่คุ้มค่าอย่างเทียบกันไม่ได้
3. สระมรกตมีความสำคัญอย่างมากต่ออุณหภูมิภายในโถงกลาง หากองค์ประกอบสำคัญนี้ถูกทำลายไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ระบบปรับเย็นที่ออกที่ออกมาล้มเหลว สิ่งที่จะตามมาคือการติดตั้งระบบปรับอากาศที่ต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาล เนื่องจากโถงนี้มีความสูงถึง 10 ชั้น มีลักษณะเปิดโล่งด้านข้าง จะต้องปิดกระจกโดยรอบกั้นออกจากสวนจะต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาดเท่าใดจึงจะเพียงพอ หรือหากจะตัดเฉพาะทางเดินชั้น 2, 3, 4 ที่ล้อมรอบคอร์ดนี้จะต้องติดตั้งกระจกปิดอาคารตลอดแนวทั้ง 3 ชั้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก
4. เป็นการทำลายคุณค่า ความหมายของงานสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของชาติ งานสถาปัตยกรรมรัฐสภาถือเป็นสถาปัตยกรรมของชาติที่สำคัญที่สุดในรอบ 100 ปี ชิ้นหนึ่ง โดยฐานะของการเป็นอาคารรัฐสภาไทย จึงมีฐานะเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในเวทีสถาปัตยกรรมโลก ถือเป็นงานศิลปกรรมที่สำคัญชิ้นหนึ่งของชาติที่ต้องยืนอยู่นับ 100 ปี การทำหน้าที่ของสถาปัตยกรรมนี้ จึงมิใช่เป็นเพียงอาคารหลังหนึ่งเพื่อใช้สอย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถาปัตยกรรมของชาติด้วย หลักสุนทรียศาสตร์ ความงามและอัตลักษณ์ของความเป็นชาติไทยที่ศิลปินร่วมกันสร้างและสืบสานจากบรรพชน
5. เรื่องความมั่นคงแข็งแรงที่ลดลงจากการต่อเติม “การต่อเติมอาคารใดๆ ที่เพิ่มการรับหนักให้ตัวโครงสร้างอาคาร ย่อมส่งผลให้ความแข็งแรงโดยรวมลดลง หรืออาจส่งผลให้เกิดการวิบัติของอาคารได้ หากทำได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะความสามารถในการต้านทานแผ่นดินไหว โดยวิศวกรโครงสร้างที่รัฐสภามอบหมายมาต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวตามกฎหมาย ผู้ออกแบบ ขอแจ้งว่าเราไม่สามารถเป็นผู้รับผิดชอบหรือตรวจรับรองการออกแบบของวิศวกรรายอื่นที่อาจทำให้ความสามารถของโครงสร้างเดิมลดประสิทธิภาพลง
อ่านประกอบ : หัวหน้าสถาปนิก ‘รัฐสภา’ ชง 5 ข้อ ค้าน ปิดสระมรกต-ย้ายห้องสมุด-ศาลาแก้วใช้ไม่ได้จริง

@ สระมรกต @
นายชาตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะตัวแทนผู้ออกแบบอาคารรัฐสภามายื่นหนังสือคัดค้านถมสระมรกต นอกจากนี้ขอชี้แจงเรื่องศาลาแก้ว รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่มีการกล่าวหาพาดพิง ยืนยันว่า ทุกโครงการที่รัฐสภาของบประมาณเพื่อปรับปรุงรัฐสภา รวมถึงโครงการก่อสร้างอาคารที่จอดรถใต้ดินเพิ่มเติม วงเงิน 4,593 ล้านบาท ผู้ออกแบบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในทุกกรณี
“10 ปีที่ผ่านมาเราไม่เคยปรากฏตัวเลย ไม่ว่าจะมีใครให้ร้ายอย่างไร งานสถาปัตยกรรมของรัฐสภา เป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของชาติในรอบ 100 ปี ผู้ออกแบบอยู่เบื้องหลังงานนี้ปกป้องมา 10 ปีแล้ว ด้วยความยากลำบาก ทำลายชีวิตผมเลย ซึ่งปัจจุบันส่งมอบงานไปแล้ว เป็นเวลาที่ไม่สามารถปกป้องงานชิ้นนี้อีกต่อไป ที่ผ่านมาผู้ใหญ่ขอร้องไม่ให้ออกมาอธิบาย รู้สึกอึดอัดใจ”นายชาตรีกล่าว
นายชาตรีกล่าวว่า งานชิ้นนี้มีศิลปินแห่งชาติร่วมออกแบบถึง 4 คน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นงานของใครก็ตาม การเอามาเติม ปกติจะไม่ทำกัน เพราะนอกจากความรับผิดชอบในเรื่องใช้สอยแล้ว เรื่องสุนทรียศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญ ต้องหารือกับผู้ออกแบบและต้องได้รับความเห็นหรือความยินยอมจากผู้ออกแบบ
นายชาตรีกล่าวว่า สถาปัตยกรรมนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญของชาติ ทำโดยผู้รู้และนักวิชาการ งานออกแบบรัฐสภามีเรื่องแย่ ๆ ให้ได้ยินเยอะแยะ แต่คนไม่รู้ว่า ถ้าเอาชื่อของผู้ออกแบบมาเรียงกัน 50 คนแรก เป็นบุคคลสำคัญของการออกแบบของประเทศทั้งนั้น
นายชาตรีกล่าวว่า อาคารรัฐสภามีระบบความปลอดภัยด้านอัคคีภัย ที่ออกแบบโดยมือ 1 ของเมืองไทย ในอาคารรัฐสภามีประตู 6,000 บาน ถ้าเกิดมีความผิดพลาดจะเกิดโศกนาฎกรรมได้ เพราะฉะนั้นระบบถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ
“เคยมีคนโจมตีเรื่อง Design for all เรื่องคนพิการ อาคารรัฐสภาออกแบบอาคารเพื่อต้องการให้เป็นตัวอย่างของ Design for all และคนที่ออกแบบคือหมายเลข 1 ของประเทศไทยในเรื่องนี้ และเป็นคนผลักดันทุกเรื่อง คือ อาจารย์ไตรรัตน์ จารุทัศน์ ผมอยากจะฝากไว้ว่า ถ้าฟังแต่ข่าวข้างนอกจะไม่ค่อยรักมัน ผมอยากจะเปลี่ยนเกลียดเป็นรักด้วยการทำความเข้าใจกับคอนเซปต์ของเรา”นายชาตรีกล่าวและว่า
“ต้นทางของมันคือ การเมืองต้องมีศีลธรรม วาทะกรรมที่ต้องการสร้างขึ้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงผู้แทนฯให้เป็นคนดี แต่คือการเลือกคนดีเข้าสภา เป้าหมายอยู่ที่ประชาชนที่เป็นผู้มีอำนาจ สถาปัตยกรรมชิ้นนี้เป็นศิลปกรรมชิ้นหนึ่งของชาติ ไม่ใช่ใครนึกจะต่อตรงไหนก็ต่อได้”
นายชาตรีกล่าวว่า ห้องสมุดเป็นของที่หนักมาก โครงการสร้างของอาคารถูกออกแบบไว้โดยระบบที่บูรณาการกัน คือ ป้องกันแผ่นดินไหว ป้องกันเรื่องอื่นๆอีกสารพัด เวลามีดีไซน์เนอร์คนอื่นเข้ามาออกแบบ ต้องมารับผิดชอบในส่วนนั้น ถามว่า วิศกรโครงสร้างที่รับผิดชอบอยู่เดิมยังต้องรับผิดชอบอยู่หรือไม่
“กรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คงจะแสดงให้เห็นว่า วิศกรโครงสร้างเดิมถ้าเขาไม่เห็นด้วยเขาจะไม่ยอมเซ็น การแก้ไขแบบสตง.ทำไมวิศกรโครงสร้างที่เป็นคนออกแบบถึงไม่เป็นคนเซ็น”นายชาตรีกล่าว
นายชาตรีกล่าวว่า ในส่วนของที่จอดรถที่ไม่เพียงพอตั้งแต่ต้น เคยมีการโจมตีว่า ผู้ออกแบบไม่ทำตามกฎหมาย ทำที่จอดรถหายไป แต่ความเป็นจริงการออกแบบทำตามทีโออาร์ ผู้ร่างทีโออาร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทั้งหมด เช่น นายกสมาคมสถาปิกในสมัยนั้น นายกสภาสถาปิก ผู้เชี่ยวชาญจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่า 2,000 คันไม่พอ
“เมื่อก่อนรัฐสภามีที่ต้องวัดแก้วฟ้าและมีแผนงานที่จะขอความร่วมมือจากที่ทหาร ไม่จำเป็นต้องแออัดอยู่ในอาคารรัฐสถาทั้งหมด แต่มันไม่ถูกดำเนินการ เราผู้ออกแบบในระหว่างก่อสร้างเราทำการศึกษาที่จอดรถให้รัฐสภาให้ถึง 8 ครั้ง แต่ไม่เกิดผล แต่พอจะมาทำที่จอดรถเพิ่มเติม กลับไม่บอกเราสักคำ เราก็ไม่รู้”นายชาตรีกล่าว

@ ศาลาแก้ว @
นายชาตรีกล่าวว่า สำหรับศาลาแก้ว การถูกโจมตีว่า ออกแบบไปได้อย่างไร หลังคาเป็นกระจก ร้อน ใช้งานไม่ได้ ขอชี้แจงว่า ศาลาแก้วออกแบบด้วย 2 เหตุผลหลัก เหตุผลแรก คือ ด้านสถาปัตยกรรม และการใช้งาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีหลังคา มีผ้าใบระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นผ้าใบกันและสะท้อนความร้อน และออกแบบไว้ใช้งานในพิธีบวงสรวงและวิธีทำบุญในเทศกาลต่าง ๆของรัฐสภาและประชาชน ทั้งนี้ อาคารรัฐสภาออกแบบให้เป็นพื้นที่ประชาชน และเรื่องแอร์หรี่ไม่ได้ ไม่จริง
“สถาปัตยกรรมนี้ คือ ประติมากรรมโครงสร้างที่สำคัญที่อยู่ในงานภูมิทัศน์ และใช้งานได้แต่มันไม่ได้ใช้งานแบบที่เขาอยากจะให้ใช้”นายชาตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนรับมอบเป็นไปตามสเปกหรือไม่ หรือ ต้องทำงบเพิ่มเพื่อปรับปรุง การรับมอบสมบูรณ์หรือยัง นายชาตรีกล่าวว่า งานออกแบบของเราประมาณ 1.1 หมื่นกว่าล้านบาท เพิ่มลด ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นที่เหลือไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราเลย และเราไม่เห็นด้วยกับหลายเรื่อง
“เป็นโครงการที่อยู่นอกการบริหารงานในสัญญาหลัก แต่ถามว่าตรงตามสเปกหรือไม่ ก็เหมือนงานก่อสร้างทั่วไปมีปัญหามากมาย”นายชาตรีกล่าว
เมื่อถามว่า ที่ต่อเติมขึ้นมาเพิ่มเติมผิดกฎหมายทั้งหมดหรือไม่ นายชาตรีกล่าวว่า ไม่ผิดกฎหมาย เมื่อเป็นของรัฐแล้ว รัฐก็มีสิทธิ์จะทำ แต่เราร้องขอในฐานะผู้ออกแบบว่า ช่วยให้ความเคารพกับงานนี้บ้าง ช่วยปรึกษาเราหน่อย แต่เขาคงไม่อยากปรึกษาเพราะเราไม่ค่อยเห็นด้วย
เมื่อถามว่า โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถใต้ดินเพิ่มเติมสามารถทำได้หรือไม่ นายชาตรีกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่มีประเด็น คนที่ทำต้องระวังเรื่องน้ำท่วม เพราะอาคารรัฐสภาชั้นใต้ดินป้องกันน้ำระดับ 4 เมตร
“หน้าถนนสามเสนเตี้ย ลาดลงมา ถ้าเดินจากลานประชาชนขึ้นไป จะมีประตูบานหนึ่งเหมือนเรือดำน้ำ เป็นประตูกันน้ำ ซึ่งสามเสนเตี้ย ระดับการป้องกันจะต่ำลง แต่ถ้า ณ วันนี้ ต่อให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ มิด รัฐสภาไม่เป็นไร ยืนยันได้”นายชาตรีกล่าว
อ่านข่าวประกอบ :

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา