
ฝ่ายค้านกัมพูชารุมวิจารณ์ ‘แพทองธาร’ พบ ‘ฮุน มาเนต’ ไม่ยอมยกประเด็นพิพาทพรมแดน-เกาะกูด-สังหาร ลิม คิยา ขึ้นมาหารือ ส่อเป็นข้อบ่งชี้เป็นการพบปะเพื่อประโยชน์ตระกูลตัวเองเท่านั้น ชมนายกฯไทยแสดงความฉลาดบอกจะรับแรงงานกัมพูชาเพิ่มเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในไทย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความเคลื่อนไหวจากกัมพูชาต่อกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยได้ไปเยือน พล.อ.ฮุน มาเนต วันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการลงนามในความร่วมมือกันหลายประการ อย่างไรก็ตามนาย Ou Chanrath ร่วมก่อตั้งพรรคปฏิรูปกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านกัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าทั้งๆที่ครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่กลับไม่มีการพูดถึงประเด็นเรื่องเกาะกูด และกรณีการสังหารนายลิม คิยา สมาชิกพรรคฝ่ายค้านกัมพูชาเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสองควรทำ
"เมื่อผู้นําของสองประเทศมีความสัมพันธ์แบบครอบครัว ประชาชนจะสูญเสียความเชื่อมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ไม่เพียงแต่กัมพูชาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศไทยด้วย ประเด็นบูรณภาพแห่งดินแดน ประเด็นความยุติธรรม ประเด็นการสังหารนายลิม คิยา ในฐานะพลเมืองกัมพูชา ในฐานะอดีตสมาชิกสภาแห่งชาติกัมพูชา เรื่องนี้ดูเหมือนจะน่าผิดหวัง และผมหวังว่าจะมีการประชุมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุมที่ประกาศไว้ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้" นาย Ou Chanrath กล่าว
ด้านนายคิม ซก (Kim Sok) นักวิเคราะห์การเมืองที่กำลังลี้ภัยหลังจากถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาทกล่าววิพากษ์กรณีนี้ว่ารัฐบาลฮุนเซนใช้เงินเพื่อรับผู้นำของประเทศไทยโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากข้อตกลงที่กัมพูชาทำกับไทยจำนวนเจ็ดข้อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสวงหาความยุติธรรมให้กับนายลิม คิยาเลย
“พวกเขายังขัดขวางการแก้ไขปัญหาชายแดนซึ่งต้องส่งไปยังศาลระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหา ในส่วนของประเด็นเศรษฐกิจ พล.อ.ฮุนมาเนตเปิดประตูกัมพูชาเปิดกว้างเพื่อรับสินค้าจากไทย ในขณะที่นางสาวแพทองธารแสดงความเฉลียวฉลาดด้วยการตกลงรับสมัครแรงงานชาวกัมพูชาเพื่อเพิ่มการผลิตของไทย” นายคิมกล่าว
ด้านนายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ยกสี่ประเด็นให้นายฮุน เซน ดำเนินการทำข้อตกลงกับ น.ส.แพทองธาร ซึ่งประเด็นที่ว่านี้รวมถึง 1.กัมพูชาและไทยจะต้องร่วมกันจับกุมนายพิช กิมสริน และ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อในประเทศไทย คือ นายสมหวัง บำรุงกิจ เพื่อนำตัวทั้งสองไปรับการพิจารณาคดีที่ไทย, 2.ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2544 3.ให้ไทยถอนทหารออกจากเกาะกูด,ปราสาทตากกระบี,ตาเมือนธม และปราสาทตาหมื่นธม และ 4.ยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
“หากนายกรัฐมนตรีทั้งสองโดยเฉพาะฮุนมาเนตไม่หารือเกี่ยวกับประเด็นทั้งสี่นี้อย่างชัดเจนแสดงว่าทั้งคู่ไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของประเทศของตน ทั้งคู่เป็นเพียงนายกรัฐมนตรีตัวแทนของครอบครัวตัวเอง ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรีของตระกูลฮุน ในขณะที่แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีของตระกูลทักษิณ ซึ่งเพิ่งพบกันที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 23 และ 24 เมษายนเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อประโยชน์ของครอบครัวของตนเอง” นายสม รังสีกล่าว
อนึ่งคดีเกาะกูดถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกัมพูชาว่าเป็นการทําทางการเมืองเพื่อเอาใจประเทศเพื่อนบ้าน (ไทย) เพื่อชิงอํานาจ ดังนั้นจึงไม่มีการฟ้องไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อเรียกร้องส่วนแบ่งของเกาะกูดจากประเทศไทย ส่วนทางฝั่งของนายทักษิณเคยประกาศว่าเกาะกูดเป็นกรรมสิทธิ์ฝ่ายเดียวของไทย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา