เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'อุทัย เกษมทาง' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเมืองศรีไค อ.วารินชำราบ อุบลฯ เรียกรับเงินช่วยเหลือบุคคลสอบบรรจุข้าราชการส่วนท้องถิ่น-ครู ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี สารภาพลดเหลือ 6 ปี 18 เดือน ได้รอลงอาญา - ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายอุทัย เกษมทาง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือให้บุคคลสอบบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นและข้าราชการครูได้ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157 , พ.ร.ป.พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 103 ประกอบมาตรา 103/1 และมาตรา 122 และมาตรา 123 ประกอบ พ.ร.ป.พ.ศ.2561 มาตรา 192 ประกอบ ป.อ. มาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563
ความคืบหน้าคดีล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายอุทัย เกษมทาง จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฏหมาย ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 40,000 บาท รวมจำคุก 15 ปี และปรับ 120,000 บาท
ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษเหลือจำคุก 6 ปี 18 เดือน และปรับ 60,000 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อเท็จจริงทางไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบรายงานสืบเสาะแล้ว ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยได้ชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายแล้ว แม้บางรายจะได้เงินคืนไม่ครบ แต่ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจที่จะเรียกร้องกับจำเลยในส่วนที่ยังขาดอยู่
โทษจำคุกจำเลยเห็นควรรอไว้มีกำหนด 2 ปี คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 2 ปี กับให้จำเลย ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมประพฤติและให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่เห็นสมควรเป็นเวลา 60 ชั่วโมง ตาม ป.อ. ม.56,57 หากจำเลย ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการ ตาม ป.อ. ม.29, 30
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 มีมติไม่อาจเห็นพ้องด้วยในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 เห็นควรที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลดังกล่าวในประเด็นรอการลงโทษจำเลย
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ