รถไฟฟ้าสายสีเขียวร่วมนโยบาย 20 บาทยังต้องรอไปก่อน หลังคจร.ยังไม่มีมติพิจารณาใดๆ เพราะคณะทำงานนโยบายที่มี ‘ปลัดคมนาคม’ ยังไม่ได้ประชุม รองผู้ว่าฯกทม.ชี้ 2 ทางร่วมได้ ‘แก้สัญญา หรือ ชดเชยรายได้’ เผยที่ยังไม่ตัดสินใจ เพราะเป็นมาตรการชั่วคราว ก่อนเปิดต้นทุนเดินรถส่วนต่อขยาย 2 ตอนอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท/ปี กทม.แบกขาดทุน 6,000 ล้านบาท โดยที่ยังไม่รวมส่วนสัมปทานหลัก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 เมษายน 2568 นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2568 วานนี้ (22 เมษายน 2568) ยังไม่มีวาระการพิจารณาถึงการเข้าร่วมมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามนโยบายรัฐบาล เนื่องจากคณะทำงานเร่งรัดการดำเนินงานในรายละเอียดนโยบายมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายที่มีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้ประชุมในรายละเอียด จึงต้องรอให้คณะทำงานชุดนี้ประชุมกันก่อน ซึ่งเดิมมีกำหนดประชุมเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 68 แต่เนื่องจากยังไม่สามารถนัดหมายประชุมกันได้ จึงได้เลื่อนออกไปก่อน
รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบคือ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ Digital Government Development Agency (Public Organization) (DGA) กำลังพัฒนาระบบเคลียร์รายได้ระหว่างระบบรถไฟฟ้าแต่ละสายในแอปพลิเคชั่นทางรัฐ โดยทาง กทม.ต้องส่งข้อมูลระบบบัตรแรบบิท (Rabbit) ที่รองรับการเดินทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองให้ทาง DGA นำไปพัฒนาระบบ และทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ส่งข้อมูลระบบ EMV (บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตทั้งไทยและต่างประเทศที่ออกภายใต้ Visa หรือ Mastercard ซึ่งมีการฝังไมโครชิป สามารถใช้ชำระเงินแบบ Contactless ได้) ซึ่งรองรับระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ม่วง ชมพู เหลือง รวมถึงระบบรถไฟฟ้าอื่นทั้งสายสีแดงและแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ ส่วนความคืบหน้าการทำระบบไม่ทราบต้องไปถามทางกระทรวงคมนาคม
@ยังไม่ฟันธง ‘แก้สัญญา หรือ ให้รัฐอุดหนุนส่วนต่าง’
เมื่อถามว่า การทำให้ค่าโดยสารอยู่ในกรอบราคา 20 บาทตลอดสาย ทางฝั่ง รฟม. ที่กำกับดูแลรถไฟฟ้าหลายๆสาย บอกแล้วว่า จะต้องแก้สัญญาสัมปทาน แล้วทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ กทม. กำกับต้องแก้สัญญาด้วยหรือไม่ นายวิศณุตอบว่า ก็ต้องเจรจากันก่อนว่า จะต้องแก้สัญญาสัมปทานหรือทางกระทรวงคมนาคมจะต้องชดเชยรายได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า นโยบายนี้ไม่ใช่มาตรการถาวร เป็นมาตรการที่อาศัยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่ออายุปีต่อปี เหมือนที่รัฐบาลเคยมีนโยบายให้โดยสารรถไฟฟ้าฟรีช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 ขึ้นสูงเมื่อช่วงวันที่ 25-31 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วตกลงตอนนี้จะใช้วิธีไหนกันแน่ รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ต้องไปถามคณะทำงานของกระทรวงคมนาคม เพราะตอนนี้ก็สั่งให้รถไฟฟ้าทุกสายทางไปประมาณการณ์รายได้มาว่า ของเดิมเป็นอย่างไร และเมื่อมีนโยบายนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน
@เปิดต้นทุนเดินสายสีเขียว 8,000 ล้าน/ปี ไม่รวมสัมปทานหลัก
นายวิศณุอธิบายต่อว่า ในส่วนต้นทุนค่าจ้างเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกทม.ปัจจุบันอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท/ปี แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช - แบริ่งและช่วงสะพานตากสิน - บางหว้า ต้นทุนค่าจ้างเดินรถอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท/ปี และค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต วงเงิน 6,000 ล้านบาท/ปี โดยปัจจุบัน กทม.มีรายได้จากการเก็บค่าโดยสารทั้ง 2 ส่วนที่ 15 บาทตลอดสาย คิดเป็นรายได้รวม 2,000 ล้านบาท ขาดทุนอยู่ 6,000 ล้านบาท โดยส่วนที่ขาดทุนก็เบิกจ่ายงบประมาณไป
รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นยังไม่รวมส่วนสัมปทานหลักช่วงอ่อนนุช - หมอชิตและช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ - สะพานตากสิน เพราะข้อมูลอยู่กับเอกชนคู่สัญญาคือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ต้องรอให้ทาง BTSC ส่งมาก่อน จึงจะสรุปตัวเลขกันอีกที อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะต้องของบประมาณอุดหนุนเท่าไหร่ ทั้งนี้ ยังไม่รวมหนี้งานก่อสร้างส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วนอีก 55,000 ล้านบาทด้วย
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
อ่านประกอบ
- จับตาประชุม คจร.ปลาย เม.ย. 68 คำนวณเงินอุด ‘สายสีเขียว' ลดเงื่อนไข 20 บาทตลอดสาย
- ‘สุริยะ' เปิดแผนรถไฟฟ้า 20 บ.เฟส 2 จับลงทะเบียนแอปทางรัฐ ก.ย. 68 ถือบัตร 2 ใบเข้าออกระบบ