
กต.สหรัฐฯโต้ไทย ย้ำสหรัฐฯ-พันธมิตรเคยเสนอรับตัวอุยกูร์ไปแล้วหลายครั้ง ก่อนไทยสั่งเนรเทศ 40 ราย ชี้ไทยไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจาก รบ.จีนเรื่องส่งตัวกลับ เพราะมีพันธกรณีอนุสัญญาต้านการทรมาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ทางการไทยส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวนมากกว่า 40 คน กลับไปยังประเทศจีน จนทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้เสี่ยงที่จะถูกพาตัวเข้าค่ายกักกันและถูกคุมขังว่า
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อระบุว่าสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ยื่นข้อเสนอซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อประเทศไทยว่าประเทศเหล่านี้จะช่วยเหลือในเรื่องของการตั้งถิ่นฐานใหม่ของของชายอุยกูร์ ในช่วงเวลาก่อนที่ชาวอุยกูร์จะถูกทางการไทยเนรเทศกลับไปยังประเทศจีน
“เราได้ทํางานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ รวมถึงการเสนอให้ตั้งถิ่นฐานใหม่สำหรับชาวอุยกูร์ในประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องและซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงในสหรัฐอเมริกาในบางครั้ง” กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามสำนักข่าวเอพี
อนึ่งถ้อยแถลงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศไทยออกมากล่าวว่าไม่มีประเทศไทยที่จริงจังในการรับตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้
“หากประเทศที่สามใดมุ่งมั่นที่จะนำตัวพวกเขาไปจริงๆ ก็ควรเจรจากับจีนเพื่อเอื้อให้ประเทศไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่สามที่ว่านั้น” นายรัศม์กล่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์และกล่าวยอมรับในกรณีนี้ว่าประเทศไทยตกลงที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปที่จีนบางส่วนเพราะกลัวว่าประเทศจีนจะตอบโต้ไทยอย่างรุนแรงหากว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้รับอนุญาตลี้ภัยที่ประเทศอื่น
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการตัดสินใจของไทยว่าเป็นการละเมิดความมุ่งมั่นต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ และกล่าวว่าสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ไม่จําเป็นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนในการเสนอลี้ภัยให้กับชาวอุยกูร์
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุต่อไปว่าภาระผูกพันในการทําให้แน่ใจว่าบุคคลที่เสี่ยงต่อการถูกข่มเหงหรือการทรมานจะไม่ถูกส่งกลับนั้น ต้องไม่ขึ้นอยู่กับการเจรจากับประเทศต้นทางที่เป็นประเทศผู้ข่มเหง และการบังคับส่งกลับผู้ขอลี้ภัยไปยังประเทศที่พวกเขาหนีออกมา ทำให้มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับการประหัตประหาร
“หลายปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ และพันธมิตร รวมไปถึงหุ้นส่วนความร่วมมือจำนวนหนึ่ง มีส่วนในการเดินหน้าแผนการตั้งถิ่นฐานใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา