
บช.ก.เดินหน้าสอบคดีทุจริตขายยา รพ.ทหารผ่านศึกร่วมกับ ป.ป.ช.-ป.ป.ท. เตรียมแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่มระหว่างผู้ป่วย -ผู้สั่งการ-จนท.รัฐ พบคดีนี้ทำเป็นขบวนการใหญ่ มีหมอ-ทหาร-พยาบาล-จนท.ธุรการ-ผู้ป่วยมีเอี่ยว แย้มรู้แล้วยาถูกขายไปที่ใด แต่ยังเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ จ่อขยาย รพ.รัฐอีกหลายแห่งใช้รูปแบบเดียวกับ รพ.ทหารผ่านศึก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า เมื่อวานที่ผ่านคณะพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมหารือกับพล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พร้อมด้วย แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ถึงแนวทางการดำเนินคดี แนวทางการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตยา โดยแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับคดีเป็นสามกลุ่ม ในกลุ่มแรกคือกลุ่มผู้ป่วย กลุ่มที่สองคือกลุ่มระดับสั่งการ และกลุ่มที่สามคือผู้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนการทำงานหลังจากนี้ สั่งระดมคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดของกองบัญชาการสอบสวนกลางมาร่วมทำคดีนี้ เพื่อให้คดีมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่รัฐฯได้รับความเสียหายมานานแล้ว ซึ่งในวันพุธนี้ (5มี.ค.) พนักงานสอบสวนทั้งคณะจะเข้าประชุมวางกรอบการทำงาน พร้อมทั้งวางแนวคำถาม ตรวจสอบเวชระเบียนของผู้ป่วย ชื่อผู้ป่วย ประวัติของผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละคนเป็นผู้ป่วยจริงหรือไม่ และเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการใช้ยาตัวใดบ้าง หลังจากนั้นจะมีการไปสอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกกว่าร้อยรายที่จังหวัดลพบุรีด้วย ซึ่งจะพยายามทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน
“เบื้องต้นตามรายงานการสืบสวนพบว่า คดีนี้มีผู้ร่วมกระทำผิดเป็นขบวนการใหญ่ ผู้เกี่ยวข้องมีทั้งทหาร ,หมอ ,พยาบาล ,เจ้าหน้าที่ธุรการ และผู้ป่วย ส่วนคำถามที่หลายคนติดใจสงสัยว่าจุดหมายปลายทางของยาดังกล่าวถูกนำออกไปอยู่ที่ไหน ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอจะรู้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้” รองผบช.ก. กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า คดีนี้ผู้กระทำผิดบางคนยังกระทำผิดต่อเนื่องในโรงพยาบาลอื่นอีก ซึ่งทางตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการขยายผลต่อไป โดยเชื่อว่ายังมีโรงพยาบาลของรัฐอีกหลายแห่งที่กระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีกด้วย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา