
จนท.ค่ายผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-เมียนมา แนะผู้ป่วยซื้อยาเอง หลัง 'ทรัมป์' เซ็นคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างชาติ เผยการระงับคำสั่งช่วยเหลือ ส่อกระทบค่ายผู้ลี้ภัยนับหมื่นชีวิต
สำนักข่าวอิศรา (www.israenws.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้เซ็นคำสั่งระงับความช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) ทำให้สถานพยาบาลภายในพื้นที่พักพิงผู้อพยพ ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน ต้องปิดให้บริการทำให้ผู้ป่วยอาจต้องไปรักษาต่อที่อื่น
จากกรณีดังกล่าวทางสำนักข่าว BNI ของเมียนมารายงานว่าหลังจากการระงับเงินทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 90 วัน บริการด้านสุขภาพทั้งหมดภายซึ่งดำเนินการภายใต้คณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศ (IRC) ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาได้หยุดชั่วคราว
ผลกระทบก็คือว่า คลินิกและโรงพยาบาลในค่ายผู้ลี้ภัยจึงถูกปิด โดยผู้ป่วยถูกให้ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. คลินิกในค่ายผู้ลี้ภัยกะเรนนี (Karenni) ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย ก็ปิดให้บริการเมื่อเช้านี้ (29 ม.ค.)เช่นกัน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสมาชิกคณะกรรมการ IRC
สมาชิกคณะกรรมการ IRC ที่ทำงานอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยรายหนึ่งกล่าวว่าชุมชนผู้ลี้ภัยต้องพึ่งพาคลินิกในการดูแลทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ตอนนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์
“ผู้ลี้ภัยจํานวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน และสตรีมีครรภ์มักต้องการความช่วยเหลือ หากไม่มีคลินิก บางคนอาจเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามถึงชีวิต เราไม่มีเอกสารในการขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลนอกค่าย และค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างแพงสําหรับผู้ลี้ภัย” สมาชิก IRC ที่ทำงานที่ค่ายผู้ลี้ภัยกล่าว
บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานรายงานว่าในช่วงเช้าวันที่ 29 ม.ค.คลินิกซึ่งมีผู้ป่วยนอกประมาณ 70 รายและผู้ป่วยใน 7 ราย ทั้งหมดต้องออกจากสถานพยาบาล สําหรับผู้ป่วยในที่มีอาการป่วยรุนแรง พวกเขาได้รับคําแนะนําให้ซื้อยาที่จําเป็นด้วยตนเองและในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพฉุกเฉินขึ้นมา พวกเขาได้รับแนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่คลินิกให้ตรงเวลา
“สถานการณ์นี้น่าเป็นห่วงมากสําหรับเรา สําหรับผู้ป่วยในวิกฤต เราได้ให้คําแนะนําอย่างระมัดระวังสําหรับยาที่พวกเขาต้องใช้ และทําให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับยาที่จําเป็นเพียงพอในคราวเดียว เรายังได้แจ้งให้พวกเขาติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเราหากมีสิ่งใดเกิดขึ้น นี่สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถนําเสนอได้จากฝั่งของเรา แม้ว่าเราจะยังสามารถตรวจสอบอาการของผู้ป่วยและให้คําแนะนําโดยการติดต่อกับพวกเขาได้ แต่เราไม่สามารถจัดการกับการเคลื่อนย้ายที่จําเป็นหรืออํานวยความสะดวกในการสนับสนุนทางการแพทย์เพิ่มเติมได้ เนื่องจากเราไม่สามารถจัดหายาที่จําเป็นได้อีกต่อไป ที่เราทำได้มีเพีงแนะนำว่าพวกเขาจะซื้อยาได้ที่ไหน” บุคลากรทางการแพทย์กล่าว
สำหรับค่ายผู้ลี้ภัยกะเรนนีตอนนี้เป็นบ้านของผู้อยู่อาศัยจำนวน 10,024 คน ทั้งๆที่ค่ายมีศักยภาพรองรับผู้อยู่อาศัยได้เพียงแค่ 6 พันคนเท่านั้น โดยการระงับความช่วยเหลือนั้นยังส่งผลกระทบต่อค่ายผู้ลี้ภัยอีกหกแห่งตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา