ปตท. ลุยแจ้งความร้องทุกข์ บก.ปอศ. เอาผิดมือปล่อยข้อมูลพาดพิงผู้บริหารของกลุ่มปตท. คดี GGC ขายน้ำมัน B100 PTTOR แล้ว รวมแพร่ลิงก์ดาวน์โหลดหนังสือ DSI ตอบศาลอาญาด้วย ชี้เนื้อหาคลาดเคลื่อนส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดวงกว้าง กระทบต่อชื่อเสียงความน่าเชื่อถือบริษัท เผยแจ้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต.สอบขบวนการทุบหุ้นให้ร่วงก่อนเข้าช้อนซื้อราคาต่ำอีกทาง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์การแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) รวมถึงรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้มีการตรวจสอบและพิจารณาดําเนินการตามกฎหมาย กรณีมีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์พาดพิงผู้บริหารของ กลุ่ม ปตท. และมีการเผยแพร่ลิงก์ให้ดาวน์โหลดหนังสือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งตอบกลับศาลอาญา กรณีมีหมายเรียกพยานเอกสาร สรุปข้อเท็จจริง สรุปบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในเรื่องสืบสวนประเด็นที่บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาขบ) (GGC) ลดราคาขายน้ำมัน B100 ให้กับบริษัท ปตท น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR) ในไตรมาสที่ 2/2566 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2567 ลงวันที่ 14 ส.ค.2567
ขณะที่แหล่งข่าวจาก ปตท. ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว อาจจะมีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มที่มีเจตนาจะทุบหุ้น ปตท.ให้ร่วง และเข้าไปช้อนซื้อในราคาต่ำ ผู้บริหาร ปตท.จึงได้มีการแจ้งเรื่อง ตลท. และสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ตรวจสอบว่า หลังจากที่ข่าวเรื่องนี้ถูกเผยแพร่มีการช้อนซื้อหุ้นจากกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเป็นพิเศษหรือไม่ โดยมีการอ้างอิงข้อมูลการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน 2-3 แห่ง และนักวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
ด้าน พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) กล่าวว่า คดีนี้ ปตท. ได้แจ้งความไว้กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ก่อนแล้ว ต่อมาได้เข้ามาแจ้งความกับ บก.ปอศ. ด้วย เพราะเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการปั่นราคาในตลาดหลักทรัพย์
"คดีนี้ทั้งสอง บก. จึงต้องทำงานร่วมกัน จะต้องมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน รวมทั้ง ก.ล.ต. ด้วย ขณะนี้เพิ่งได้รับแจ้งความคงจะต้องมาประชุมหารือ และแบ่งงานกันทำ ยอมรับว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะหาผู้ที่นำเอกสารมาเผยแพร่ เพราะเบื้องต้นพบว่ามีการอำพรางทางออนไลน์ที่ค่อนข้างซับซ้อน คงต้องใช้เวลาในการทำงานซักระยะหนึ่ง" พล.ต.ต.พุฒิเดช ระบุ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า สำหรับข่าวประชาสัมพันธ์การแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) รวมถึงรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั้น
ปตท.ระบุว่า ตามที่ได้แจ้งสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ว่าข้อมูลที่ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ มีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความจริง อันส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ทั้งยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของ ปตท. บริษัทในกลุ่ม ปตท. ตลอดจนผู้บริหารของกลุ่มปตท.
นอกจากนี้ การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อราคาหุ้นของกลุ่ม ปตท. สร้างความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม
ดังนั้นเพื่อรักษาความเชื่อมั่นตลอดจนเพื่อมิให้มีการกระทําที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนจากการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความจริง ปตท. จึงได้ดําเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) รวมถึงรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้มีการตรวจสอบและพิจารณาดําเนินการตามกฎหมาย
ปตท. ระบุในเนื้อหาข่าวว่า ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังคงมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศพร้อมทั้งยึดมั่นในการดําเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล โดยมีการกํากับดูแลกิจการที่ดี และดําเนินการอย่างเคร่งครัดภายใต้นโยบายที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศชาติและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
ขณะที่ก่อนที่หน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2567 ปตท. ได้ทำหนังสือแจ้ง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกรณีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกรณีเดียวกัน
ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวบนสื่อออนไลน์ (ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่มุ่งเน้นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 โดยมีการพาดหัวข่าว และมีเนื้อหาข่าวรายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
บริษัท ปตท. จำกัด ขอเรียนให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรุณาตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่ามีการกระทำใดที่ไม่เป็นไปพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาลหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่
โดยขอเรียนรายละเอียด ดังนี้
1. เนื้อหาข่าว และการพาดหัวข่าว
การกระทำของสื่อออนไลน์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพาดหัวข่าว มีลักษณะเป็นการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับ ปดท. และบริษัทในเครือ ปตท. และข้อความที่เผยแพร่นั้นส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ หรือการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนในหลักทรัพย์ ตามข้อมูลเพิ่มเติมในข้อ 3 ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
2. การใช้ข้อมูลที่ไม่มีการตรวจสอบและการบิดเบือนข้อมูล
การกระทำของนักวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ข้อมูล โดยนำข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งผู้เผยแพร่น่าจะทราบหรือควรรู้ได้ว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิสูจน์ถึงความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา มาใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ปตท. และบริษัทในเครือ ปตท. อันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญ และ ได้เปิดเผยหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือการณ์นั้นต่อประชาชน โดยประการที่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของ ปตท. และบริษัทในเครือ ปตท. หรือต่อการตัดสินใจการลงทุนในหุ้นของ ปตท. และบริษัทในเครือ ปตท. การกระทำในลักษณะนี้ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อีกด้วย
3. ผลกระทบของราคาของหุ้นของกลุ่ม ปตท. ภายหลังจากการเผยแพร่ข่าวบนสื่อออนไลน์ข่าวที่เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยนั้น ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื้อมันของนักลงทุน และทำให้ราคาหุ้นของบริษัทในเครือ ปตท. มีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาหลังจากการเผขแพร่ข่าวในสื่อออนไลน์ดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนจากกราฟราคาหุ้นในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบของข่าวดังกล่าวต่อพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้น ปตท. จึงใคร่ขอความร่วมมือจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุน พิจารณา และตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า มีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ที่กำหนดไว้ในพระระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่ และหากพบว่ามีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ขอให้พิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม เพื่อรักษาความเป็นธรรม เสถียรภาพและความโปร่งใสในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
อ่านประกอบ :
- หนังสือDSI ตอบศาลอาญาคดี GGC ขายน้ำมัน OR ว่อนเน็ต- ‘ยุทธนา’ยันยังไม่สรุปกล่าวหาใคร
- ใช้บัญชีอวตาร! ปตท.ซัดมือปล่อยหนังสือ DSI ตอบศาลอาญาคดีขายน้ำมันOR บ่อนทำลายชื่อเสียง
- เป็นทางการ! DSI แจงคดีขายน้ำมัน OR ยังสอบไม่เสร็จ-ปัดเกี่ยวหนังสือตอบศาลว่อนเน็ต