เวทีเสวนา ม.หอการค้าไทยคาดเลือกตั้งตั้งนายก อบจ.ปี 68 เงินสะพัด 1.6 หมื่นล.หากมีผู้มาใช้สิทธิ 46 จังหวัด ถึง 65% เผยเงินส่วนนี้รวมถึงเงินซื้อเสียงหัวละ 903 บาทแล้ว ขณะประธาน ACT ห่วงตอนนักการเมืองขอถอนทุนคืน เตรียมสร้างโครงข่ายต้านทุจริต ปชช.มีส่วนร่วม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าในการเสวนา “ผลการสํารวจความคดิเห็นของประชาชน ต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.” ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าเงินที่มีการใช้ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ในช่วงปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 46 จังหวัด มีการประมาณการว่าถ้าหากมีกรณีที่ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 65% คิดเป็นจำนวน 18,343,932 คน เงินสะพัดในช่วงเลือกตั้งจะอยู่ที่ 16,564,570,596 บาท ซึ่งเงินตรงนี้รวมถึงการซื้อเสียงที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 903 บาท ต่อคนแล้ว
ทางด้านของนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า วงเงินที่จะใช้ดังกล่าวนั้นมาจากการสำรวจจากโพล ซึ่งคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนสะพัดที่เข้ามาสู่ในช่วงกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะรวมถึงการซื้อเสียงไปแล้ว ดังนั้นจะเห็นเลยว่าถ้าผู้สมัครนายก อบจ.ถ้าหากว่าจะมีนโยบายในการพัฒนาพื้นที่ รณรงคฺ์ในเรื่องการเมืองที่มีคุณภาพในอนาคต คิดว่ทั้งสองฝั่งควรมีนโยบายในการใช้เงินที่โปร่งใส ก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีกับพื้นที่
นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่าถ้าหากคิดว่ามีการซื้อเสียงอย่างน้อย 1.4 หมื่นล้านบาทแล้ว ก็ต้องคิดว่าจะไปถอนทุนกันอีกสักเท่าไร ดังนั้นเรื่องของการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าก็เป็นประเด็นที่น่ากังวลและน่าเสียดาย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้คงไม่น่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นเรื่องการเลือกตั้งในท้องถิ่น ถ้าจะแก้ปัญหาการทุจริต เราจึงได้มีการเชิญชวนภาคีอีกหลายรายที่จะมาช่วยกันขยายผล เพื่อแก้ปัญหาด้วย เพราะเราหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เกิดขึ้น โดยการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย