ป.ป.ช.ประสาน ตร. รวบตัว เอกราช สูงสง่า อดีตนายก อบต.หนองสะโน คดีทุจริตจัดทำโครงการอบรมเพิ่มศักยภาพบุคลากรท้องถิ่นฯ ตามหมายจับ หลังหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติไปกบดาน สปป.ลาว บ้านเมีย กลับข้ามแดนเข้ามาไทยรักษาตัว คลินิกในอุบลราชธานี - นำตัวส่งอัยการ ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกม.แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวการจับกุมตัว นายเอกราช สูงสง่า อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ทุจริตจัดทำโครงการอบรมเพิ่มศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น ตามหลายจับ หลังหลบหนีไปกบดานที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) กลับข้ามแดนเข้ามาในประเทศเพื่อรับการรักษาที่ คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายณัฐวุฒ ขมประเสริฐรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 3 นายศรัทธา กอบกุลบุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริตภาค 3 และเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีทุจริตสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี ให้เข้าร่วมสืบสวนและวางแผนจับกุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรพิบูลมังสาหาร ในปฏิบัติการจับกุม นายเอกราช สูงสง่า อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
ก่อนหน้านี้ในการสืบสวนติดตามทราบว่า นายเอกราช ฯ ได้หลบหนีไปกบดานที่ สปป.ลาว โดยช่องทางธรรมชาติ และมีภรรยาเป็นคน สปป.ลาว ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้สืบทราบว่าบุคคลตามหมายจับ กลับข้ามแดนเข้ามาในประเทศเพื่อรับการรักษาที่ คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี
พนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ประสานกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรพิบูลมังสาหาร เพื่อวางแผนจับกุมผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับ โดยร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบและเฝ้าสังเกตการณ์ใกล้เคียง คลินิกดังกล่าว พบนายเอกราช สูงสง่า ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับ จึง จบกุมในข้อหากระทำความผิดฐาน “ตามกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2544 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192
จากนั้น ได้ควบคุมตัว นายเอกราช ฯ นำตัวส่งสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับ นายเอกราช สูงสง่า ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเแถลงข่าวความคืบหน้าผลคดีกล่าวหาเข้ามีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการขุดเจาะบ่อบาดาล บ้านสมพรรัตน์ หมู่ที่ 10 ตำบลหนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี โดยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ให้บุตรชายซึ่งเป็นนายช่างโยธา ของอีก อปท.หนึ่ง เข้าทำงานโครงการดังกล่าวเอง แต่ได้นำเอกสารต่าง ๆ ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และยังเป็นเจ้าของของร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง มาใช้ประกอบการทำสัญญาจ้างกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโน และเบิกจ่ายเงิน โดยสัญญาระบุตกลงจ้าง ร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า ร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง เป็นผู้รับจ้างโครงการนี้ ซึ่งความจริงแล้วร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง ไม่ได้รับจ้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะนายเอกราช ได้ดำเนินการขุดเจาะบาดาล จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : พิพากษาวันที่ 4 เมษายน 2566 จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 152, 157 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 120 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 กรณีเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157,86
ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปีและปรับคนละ 100,000 บาท
จำเลยที่ 2 และ 3 ให้การรับสารภาพ คงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 50,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี
ขณะที่นายเอกราช สูงสง่า อยู่ระหว่างหลบหนี/ศาลออกหมายจับไว้แล้ว (อ่านข่าวประกอบ)