สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 แถลงผลสรุปคำพิพากษา 8 คดี 'ทุจริต-ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน' ภาคอีสาน รอลงอาญาเพียง 'พรชัย โควสุรัตน์' อดีตนายก อบจ.อุบลฯ ราชธานี -'เอกราช สูงสง่า' อดีตนายก อบต.หนองสะโน' หลบหนียาวยังไม่กลับ
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2566 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 และ ป.ป.ช.ในพื้นที่ภาคอีสาน ร่วมกันแถลงข่าวผลคำพิพากษาคดีทุจริตสำคัญในพื้นที่ภาคอีสาน จำนวน 8 เรื่อง แบ่งเป็น คดีทุจริต 5 เรื่อง คดีตรวจสอบทรัพย์สิน 3 เรื่อง
@ สรุปคดีที่ศาลมีคำพิพากษาภารกิจไต่สวนการทุจริต
เรื่องที่ 1 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
คดีหมายเลขดำที่ 117,125/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 182,183/2565
ผู้ถูกกล่าวหา 1.นายเกียรติศักดิ์ ศุขแจ้ง นายช่างชลประทานอาวุโส 2. นายวรเศรษฐ์ ทีปานนท์ศิริ นายช่างชลประทานชำนาญงาน 3. นายชานนท์ นนทะวงษ์ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน กับพวก (เอกชน)
สรุปข้อกล่าวหา เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ผู้ถูกกล่าวหา ทั้ง 3 มีหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ในการจัดซื้อท่อ PVC ท่อ A/C ท่อเหล็กเหนียวพร้อมอุปกรณ์ประกอบเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท่าช้าง ตำบลบากเรือ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร (ระยะที่ 2) กระทำการจัดทำใบตรวจรับพัสดุ และลงลายมือชื่อว่ามีการส่งมอบพัสดุว่ามีความถูกต้องครบถ้วน ทั้งที่ยังไม่มีการส่งมอบพัสดุให้ครบถ้วนถูกต้องตามสัญญาซื้อแต่อย่างใด และได้มีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนพิภพค้าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,151,157,162
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : พิพากษาว่าจำเลยที่ 1,2 และ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,151,157,162 ลงโทษตามมาตรา 151 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1,2 และ 3 คนละ 5 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ
ส่วนเอกชนมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำคุกจำเลยที่ 4 และที่ 6 คนละ 3 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 26,666.66 บาท จำเลยที่ 4 และที่ 6 ให้การสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงจำคุกจำเลยที่ 4 และที่ 6 คนละ 1 ปี 8 เดือน และปรับคนละ 13,333.33 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี
@ เรื่องที่ 2 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
คดีหมายเลขดำที่ อท 110/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อท 1/2566 วันที่ 17 มกราคม 2566
ผู้ถูกกล่าวหา นางสาวสาวิตรี สิทธิธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลอุบล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก
สรุปข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีปกปิดประกาศการจัดซื้อรถตักหน้าขุดหลังด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเหตุให้รัฐ เทศบาลตำบลอุบล และประชาชนทั่วไปได้รับความเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 เจ้าหน้าที่พัสดุ ได้ดำเนินการแทนคณะกรรมการดำเนินการประมูลรถตักหน้า ขุดหลัง ชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดไม่น้อยกว่า 90 HP โดยไม่ได้เผยแพร่ประกาศเชิญชวน ลงประกาศในเว็บไซต์ www.gprocurement.go.th ตามระเบียบของประกาศ แต่กลับปลอมแปลงเอกสารว่าได้ลงแจ้งในเว็บไซต์ ของกรมบัญชีกลาง และของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและ ทั้งยังได้นำเอกสารที่ปลอมแปลงดังกล่าว ไปใช้ต่อไปอีก โดยจำเลยที่ 2 หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ได้ร่วมกันปกปิดประกาศการจัดซื้อรถตักหน้าขุดหลังด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ประกาศลงในระบบ e-GP ไม่ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ โดยมีจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี เมื่อทราบเรื่อง กลับไม่คัดค้านหรือยับยั้ง ปล่อยให้มีการประมูลต่อไป
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม), 162(1)(4) (เดิม), 265 (เดิม), 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (เดิม) พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม),162(1)(4) (เดิม) พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม) พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 การกระทำของสำนวนทั้งสามเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทใช้ลงโทษบทหนัก ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 )
โดยพิพากษา จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 60,000 บาท
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 30,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี
@ เรื่องที่ 3 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
คดีหมายเลขดำที่ อท 282/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อท 34/2566
ผู้ถูกกล่าวหา นายพรชัย โควสุรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กับพวก
สรุปข้อกล่าวหา เข้าไปมีส่วนได้เสียเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เอ.อี.ซี อุบลดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เข้าเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ในโครงการจัดซื้อกล้องส่องทางไกล ชนิดบันทึกวีดิโอ Full HD 2D/3D ซูมแบบดิจิตอลไม่น้อยกว่า 20 เท่า จำนวน 2 กล้อง โดยนายพรชัย โควสุรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีพฤติการณ์สั่งการให้นายสุทัศน์ เรืองศรี เลขานุการของนายพรชัยฯ ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอ.อี.ซี ซีเคียวริดี้ แอนด์ ลอว์ จำกัด ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ.อี.ซี อุบลดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยในการบริหารจัดการบริษัท นายพรชัยฯ มีพฤติการณ์สั่งการให้ลูกจ้างของ อบจ. เข้าเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้จัดการแต่อยู่ภายใต้การสั่งการและควบคุมของนายพรชัยฯ และต่อมาเมื่อ อบจ. ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างกล้องส่องทางไกล ชนิดบันทึกวีดิโอ Full HD 2D/3D ซูมแบบดิจิตอลไม่น้อยกว่า 20 เท่า จำนวน 2 กล้อง ก็ปรากฏว่า บริษัท เอ.อี.ซี อุบลดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้เป็นคู่สัญญากับ อบจ. ในการจัดหากล้องส่องทางไกลดังกล่าว
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม), 152 (เดิม), 157 (เดิม) พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 126(1),(2), 168, 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 กรณีเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,86 ทั้งนี้จำเลยที่ 1 เป็นเลขานุการนายพรชัย และเป็นผู้จัดทำเอกสาร จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานจ้างองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นกรรมการบริษัทคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการเตรียมเอกสารตามคำสั่งของนายพรชัย
จำคุกจำเลยที่ 1,2,3 คนละ 4 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง
คงจำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 10,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยทั้งสาม ไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร
หมายเหตุ : นายพรชัย โควสุรัตน์ อยู่ระหว่างหลบหนี / ศาลออกหมายจับไว้แล้ว
@ พรชัย โค้วสุรัตน์
@ เรื่องที่ 4 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจังหวัดอุบลราชธานี)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
คดีหมายเลขดำที่ อท 28/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 56/2566
ผู้ถูกกล่าวหา นายเอกราช สูงสง่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก
สรุปข้อกล่าวหา นายเอกราช สูงสง่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโน เข้ามีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการขุดเจาะบ่อบาดาล บ้านสมพรรัตน์ หมู่ที่ 10 ตำบลหนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี โดยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรชายของนายเอกราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโนและเป็นนายช่างโยธา ของอีก อปท.หนึ่ง เข้าทำงานโครงการดังกล่าวเอง แต่ได้นำเอกสารต่าง ๆ ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และยังเป็นเจ้าของของร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง มาใช้ประกอบการทำสัญญาจ้างกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะโน และเบิกจ่ายเงิน โดยสัญญาระบุตกลงจ้าง ร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า ร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง เป็นผู้รับจ้างโครงการนี้ ซึ่งความจริงแล้วร้านรุ่งเจริญ ดงวัสดุก่อสร้าง ไม่ได้รับจ้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะนายเอกราช ได้ดำเนินการขุดเจาะบาดาล จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : พิพากษาวันที่ 4 เมษายน 2566 จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 152, 157 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 120 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 กรณีเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157,86
ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปีและปรับคนละ 100,000 บาท
จำเลยที่ 2 และ 3 ให้การรับสารภาพ คงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 50,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี
หมายเหตุ : นายเอกราช สูงสง่า อยู่ระหว่างหลบหนี/ศาลออกหมายจับไว้แล้ว
@ เรื่องที่ 5 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
คดีหมายเลขดำที่ อท 141/2565 และ อท 164/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อท 204/2565 และ อท 205/2565
ผู้ถูกกล่าวหา 1. นางมนัส แก้วพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 6 2. นางพรพรรณ วรวิวัฒน์กุล เจ้าของร้านพรพรรณอลูมิเนียม 3. นางสายเพชร หรือพูลทรัพย์พิศโสระ หรือพิศโสรัตน์ เจ้าของร้านสายเพชรก่อสร้าง 4. นายบรรพต มิ่งมูล
สรุปข้อกล่าวหา
1) นางมนัส แก้วพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ดำเนินการจัดจ้างโครงการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงพยาบาลเสนางคนิคม อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อปี 2551 งบประมาณ 1,119,466 บาท โดยมิชอบ การกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12
2) นางพรพรรณ วรวิวัฒน์กุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางสายเพชร หรือพูลทรัพย์ พิศโสระหรือพิศโสรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนายบรรพต มิ่งมูล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 : มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลย มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีถึงที่สุด
@ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 และ ป.ป.ช.ในพื้นที่ภาคอีสาน ร่วมกันแถลงข่าว
@ สรุปคดีที่ศาลมีคำพิพากษา ภารกิจงานตรวจสอบทรัพย์สิน รอลงอาญา 3 รายรวด
เรื่องที่ 1 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา)
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
คดีหมายเลขดำที่ อม. 2/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 18/2566 วันที่ 27 มิถุนายน 2566
คดีนี้ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า นางปิ่นมณี ลาดกระโทก ตำแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเฉลียง อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเฉลียง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรค (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167
จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท
ไม่ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
เรื่องที่ 2 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร)
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
คดีหมายเลขดำที่ อม.15/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2566
คดีนี้ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ว่า นายสมยศ สุนทรา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่องคำ จงใจไม่ยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สิน หรือหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่องคำ อำเภอเมืองยโสธร เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1)
ศาลมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167
จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ เป็นประโยชน์ แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
คงเหลือจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท
ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี
เรื่องที่ 3 (สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร)
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
คดีหมายเลขดำที่ อม.10/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.25/2565
คดีนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ว่า นายสนั่น ชื่นบาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่องคำ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลเขื่องคํา อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ศาลมีคำพิพากษาห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
จําคุก 2 เดือน และปรับ 8 ,000 บาท
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยรับโทษจําคุกมาก่อน ประกอบกับศาลกําหนดโทษจําคุกระยะสั้น เห็นสมควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหากลับตัวเป็นพลเมืองดี
โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี
*****************
น่าสังเกตว่า คดีส่วนใหญ่ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลฯ มีคำพิพากษารอลงอาญาโทษจำคุก เนื่องจากไม่เคยต้องโทษมาก่อน และเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง