เปิดรายละเอียด คดี จนท.บัญชีสาว พวก 3 คนร่วมยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศาลาหลวง เสียหาย 12.2 ล้าน ปปง.ตามยึดทรัพย์ได้ 2 รายการ โฉนดที่ดิน 1 แปลง รถยนต์ 1 คัน รวม 220,000 บาท ก่อนประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอรับเงินชดใช้คืน
สืบเนื่องจาก ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 กันยายน 2567 เผยแพร่ ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคําร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ราย นางถนอมศรี จิณะวงศ์ กับพวก ร่วมกันยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศาลาหลวง จํากัด จ.ลำปาง เสียหาย 12,202,568.35 บาท โดยขอให้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงและไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ยื่นคําร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียด และจำนวนความเสียหาย ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ภายใน 90 วัน ตามที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว (ข่าวเกี่ยวข้อง:ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืน! คดี 3 จนท.สหกรณ์ฯศาลาหลวง ทุจริต 12.2 ล้าน)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรารายงานว่า คดีดังกล่าว คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ย. 199 /2567 ลงวันที่ 18 ก.ย.2567 ยึดทรัพย์นางถนอมศรี จิณะวงศ์ กับพวก ไว้ชั่วคราว จำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล ได้แก่
-
ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 1062 เลขที่ดิน 211 ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เนื้อที่จำนวน 46 ตารางวา ผู้ถือกรรมสิทธิ นายวสันต์ มาทา ราคาประเมิน 100,000 บาท ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2560
-
รถบรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOVOTA หมายเลขทะเบียน กบ 76 ลำปาง ผู้ถือกรรมสิทธิ์ นางสาวเฉลิมศรี บุพชาติ ราคาประเมิน 120,000 บาท ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564
รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 220,000 บาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
เปิดรายละเอียดคำสั่งยึดทรัพย์
สำหรับคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.199/2567 มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรเกาะคา ตามหนังสือที่ ตช 0020(ลป)56663301 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เรื่อง รายงานการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิ และความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประบวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
นาง ถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก ผู้ต้องหาที่ 1 ตำแหน่งพนักงานบัญชี นางทองเพียร มุณีแก้ว ผู้ต้องหาที่ 2พนักงานการเงิน และนางเฉลิมศรีหรือนางสาวเฉลิมศรี บุพชาติ ผู้ต้องหาที่ 3 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศาลาหลวง จำกัด ผู้ต้องหาทั้งสามได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำโดยตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2553 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ต่อเนื่องกัน เมื่อมีสมาชิกสหกรณ์นำเงินมาชำระหนี้หรือนำเงินมาฝาก ณ ที่ทำการสหกรณ์ ผู้ต้องหาทั้งสามคนจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวหรือเมื่อผู้ต้องหาทั้งสามคนไปรับชำระหนี้จากสมาชิกนอกที่ทำการสหกรณ์จะไม่นำเงินส่งเข้าบัญชีสีหกรณ์ หรือนำส่งแต่ส่งไม่ครบทั้งจำนวนหรือนำส่งครบทั้งจำนวนแต่ได้มีการปลอมลายมือชื่อของสมาชิกสหกรณ์ในใบถอนเงินแล้วทำการถอนเงินออกจากบัญชีของสมาชิกผู้นั้น และยังมีการปลอมสัญญาเงินกู้และใช้สัญญาเงินกู้ปลอมเพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินกู้ของสหกรณ์ ลงข้อมูลอันเป็นเท็จในการ์ดกู้เงิน หุ้นเงินรับฝาก และใบเสร็จรับเงินของสหกรณ์ซึ่งไม่ตรงกับสมุดประจำตัวของสมาชิก รวมทั้งมีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับและระเบียบของสหกรณ์อันส่งผลให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศาลาหลวง จำกัด และสมาชิกจำนวนหลายรายได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 12,266,5618.35 บาท และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศาลาหลวง จำกัด จึงได้มอบอำนาจให้กรรมการเป็นผู้มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเกาะคา เพื่อดำเนินคดีกับนางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมเป็นคดีอาญาที่ 376/2565 และพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ (เงิน) ที่เป็นของนายจ้างและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ (สัญญากู้ยืม) และใช้เอกสารสิทธิปลอม อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ตรวจพบทรัพย์สินเกี่ยวข้อง 2 รายการ
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่2/2567 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 119/2567 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายนางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคคลดังกล่าวแล้วปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่านางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจาก การรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิหรือผู้มีสิทธิครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิหรือผู้มีสิทธิครอบครองอาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิหรือผู้มีมีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ และสังหาริมทรัพย์ประเภทรถยนต์ อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการควบคุมการเสียภาษีหรือเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว โดยผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง อาจดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกค้าสั่งให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางถนอมศรี จิณะวงค์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 65 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล