‘อนุทิน’ เผย ‘ในหลวง-ราชินี’ ทรงรับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์รถบัสไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานให้ ‘มหาดไทย’ เป็นผู้แทนจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิต ขณะที่การเยียวยา รัฐบาลอนุมัติจ่ายสูงสุด เสียชีวิต 1.4 ล้านบาทต่อคน เจ็บ 7.4 แสนบาทต่อคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า การพิจารณาเงินเยียวยาเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.67) ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เรื่องของการช่วยเหลือตามพ.ร.บ.อุบัติภัย มีอยู่ว่า จะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ได้ถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่ก็ต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด
@ในหลวง-ราชินี รับผู้สูญเสียไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
เมื่อถามถึงตัวเลขอายุการใช้งานรถบัสที่เกิดเหตุที่ระบุว่า มีอายุจดทะเบียน 54 ปี นั้น นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ ในการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน
@ทัศนศีกษาไม่ใช่เหตุ กังขารถบรรจุถังแก๊สจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ขณะนี้มี มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่พรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ส่วนตัวนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะได้เห็นกับตาทำไมรถบัส 1คัน ถังแก๊สเยอะขนาดนี้นับๆดูเป็น 10 ถัง ซึ่งก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยอยู่กรมขนส่ง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายกำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊สตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักผ่อนกันเลยหรือ
“โดยมองจากสายตา ที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ผมมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”นายอนุทิน กล่าว
@อนุมัติจ่ายเยียวยา ตาย 1.2 ล้าน/เจ็บสูงสุด 7.4 แสนต่อคน
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเพลิงไหม้ โดยมอบเงินเยียวยาดังนี้
กรณีเสียชีวิตเป็นค่าจัดการศพรายละ 1 ล้านบาท ,ทุพลภาพ รายละ 7 แสนบาท ,กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 2แสนบาท , กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 1 แสนบาท โดยตัวเลขนี้ เป็นการประเมินจากในอดีตกรณีเหตุการณ์ที่สยามพารากอนและเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นวงเงินที่น่าจะเหมาะสมเพราะเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ
สำหรับเด็กเล็กที่เสียชีวิต ถึงแม้ว่าเงินเยียวยานี้จะไม่สามารถไปประเมินจิตใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตได้แต่จะช่วยบรรเทาได้ส่วนหนึ่ง
นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีเงินช่วยเหลือในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะให้เงินช่วยเหลือ ผู้เสียชีวิตรายละ 2 แสนบาท ,ผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 หมื่นบาท กระทรวงศึกษาธิการ จะให้เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่เป็นนักเรียน 180,000 บาท ครู 100,000 บาท กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะให้เงินช่วยเหลือ ผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท และจะดูแลต่อเนื่องจนอายุ 18 ปี และจากประกันภัยของบริษัทรถบัส 1 ล้านบาท
เมื่อถามว่า กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะสามารถจ่ายได้ นายสุริยะกล่าวว่า จะเร่งให้กระทรวงศึกษาธิการส่งรายชื่อผู้เสียชีวิต และจะรีบจัดการโอนเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่น่าจะเกินสัปดาห์หน้า