บช.ก.สนธิกำลัง ป.ป.ช. จับ 3 ผู้ต้องหาขบวนการเรียกเก็บส่วยรถบรรทุก เผยผู้ต้องหา 2 รายเป็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง พฤติการณ์เก็บส่วยรถเครน รถน้ำหนักเกิน มีเหยื่อมากกว่า 30 ราย เงินส่วยหมุนเวียนโอนเข้าบัญชีม้าต่อวัน 3 ล้านบาท จนท.เผยหนึ่งในผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนในบัญชีตั้งแต่ปี 58 นับร้อยล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 3 ก.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. นายจักรกฤษณ์ ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผอ.สืบสวนและกิจการพิเศษ สนง.ป.ป.ช. นำกำลังเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย “เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วยรถบรรทุก” เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 11 จุด ทั่วประเทศ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และ กรุงเทพมหานคร เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญในขบวนการดังกล่าว ได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check 2. นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา 3. นายธงชัย เต็มฟอม หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พร้อมเชิญตัว นายประทิน โพธิ์ชัยรัตน์ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 2566 ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการยื่นเรื่องร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ หลังถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกับพลเรือน เรียกเก็บส่วย รถเครน และ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้ นายเศรษฐี ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ และ แก้ไข
หลังรับเรื่อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. รวมถึง พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เร่งสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง
ก่อนพบข้อมูลสำคัญว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ (สคน.) หน่วยงานในสังกัดของกรมทางหลวง ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่วิ่งบนทางหลวง แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่ในการเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ เรียกเก็บเงินส่วยรายเดือนจากผู้ประกอบการเพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี
โดยมี นายธงชัย ที่เป็นพลเรือน คอยทำหน้าที่เป็นผู้เข้าไปเจรจาเรียกรับเงินแทน หากผู้ประกอบการรายใด ไม่ทำตามข้อเรียกร้องก็จะถูกกวดขันจับกุมอย่างหนักจนกระทบต่อกิจการ โดยทำเช่นนี้มานานหลายปี ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการตกเป็นเหยื่อกว่า 30 ราย มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง โดยแต่ละรายจะต้องจ่ายส่วยรายเดือน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท มีเงินส่วยหมุนเวียนตกเฉลี่ยต่อเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้มาจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีม้า ที่เปิดโดยนายประทิน ก่อนจะถูกโอนถ่ายไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่หัวหน้าขบวนการตามลำดับ
เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบหารวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆกว่า 30 คน รวมไปถึงข้อมูลบัญชีธนาคารผู้รับส่วย ,บัญชีม้า,บัญชีผู้จ่ายส่วย ภาพถ่ายกล้องวงจรปิด,ธนาคาร, กล้องโทรศัพท์มือถือของพยาน ขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวเข้าตรวจค้นห้องทำงานที่ ด่านบางประอิน และ ด่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
@ เช็กเส้นเงิน "แก๊งหัวหน้าชุดเฉพาะเก็บส่วยรถบรรทุก” พบหมุนเวียนกว่า 126 ล้าน
ต่อมามีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่าจากแนวทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ตรวจพบบัญชีม้าของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ที่เปิดขึ้นในชื่อของนายประทิน เพื่อใช้รับโอนเงินจากผู้ประกอบการนั้น พบว่า บัญชีดังกล่าวถูกเปิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 จนถึงเดือนมิถุนายน 2566 ระยะเวลาประมาณ 10 เดือน มีเงินโอนเข้าบัญชีดังกล่าวทั้งการรับโอนและฝากเงินสดเข้าตู้เอทีเอ็ม รวมกว่า 6,265,631 บาท
ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีธนาคารของ นายธงชัย เต็มฟอม พบว่าตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีการเงินหมุนเวียนเข้าออกรวมกว่า 126,460,745 บาท ซึ่งในจำนวนนี้มีการโอนไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของ นายนพดล หน้าหน้าชุด จำนวน 31 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,161,100บาท แต่จากแนวทางสืบสวนพบว่าวิธีการผ่องถ่ายเงินส่วยส่วนใหญ่จะใช้วิธีกดถอนเงินสดแล้วนำไปส่งมอบตามจุดนัดหมาย อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบในส่วนนี้เพิ่มเติม
ในส่วนของบัญชีธนาคารส่วนตัวของ นายนพดล จำนวน 1 บัญชี ที่ใช้รับโอนเงินจากนายธงชัย พบว่าตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มีผู้โอนเงินหรือฝากเงินสดเข้ามา 13,237,672 บาท เมื่อตรวจสอบรายละเอียดปลีกย่อยของผู้ฝากเงินเข้ามา ยังพบว่า มีการรับโอนเงินมาจากบัญชีธนาคารของ นายเอนก หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้า เข้ามายังบัญชีธนาคารของนายนพดล ตั้งแต่ปี 2563-2566 รวมเป็นเงิน 5,526,500 บาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเงินส่วยรถบรรทุกเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจพบความเชื่อมโยงดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายเอนก ก่อนพบหลักฐานสำคัญ ว่า มีการรับโอนเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุกโดยตรงในลักษณะรายเดือน ตกเดือนละตั้งแต่ 5,000 -100,000 บาท เฉพาะปี 2563-2566 มีเงินฝากเข้าบัญชีและโอนเงินเข้ามาบัญชีของ นายเอนก รวมประมาณ 11,465,976 บาท เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มนี้และนำมาสู่การตามจับกุม
@ บิ๊กเต่า สั่งขยายผล ลั่นสาวถึงใครเอาหมด
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปปป. นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และ โฆษกกระทรวงคมนาคม นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ล้างบางspot check” ปราบเจ้าหน้าที่รัฐเก็บส่วยรถบรรทุก
จากปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมตัวนายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check 2.นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา 3. นายธงชัย เต็มฟอม หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3
โดยนายนพดล กับ นายเอนก ถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วน นายธงชัย ถูกดำเนินคดีในข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พร้อมกับเชิญตัว นายประทิน โพธิ์ชัยรัตน์ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การแข่งขันทางธุรกิจทำให้เกิดส่วยสติกเกอร์ขึ้นมา ซึ่งจากการแก้ไขปัญหาสั่งย้ายตำรวจ 40 นาย ส่งเรื่องให้ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 6 นาย มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หากเจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็จะส่งผลกระทบกับประชาชน และสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ สำหรับเงินหมุนเวียนเวียน 200ล้าน ภายใน4ปี หาก ขยายผลพบใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีให้หมด นอกจากเงินผ่านบัญชียังพบว่า มีเงินสดจำนวนมากซึ่งไม่สามารถระบุจำนวนได้ชัดเจน โดยคาดว่าหลังจากนี้จะมีผู้ต้องหาเพิ่ม และเชื่อว่ามีตัวการใหญ่ในกรมทางหลวงอยู่เบื้องหลัง ยืนยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู
ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวน 200 ล้านบาท เป็นเพียงเงินขาเข้าบัญชีที่มาจากผู้ประกอบการรถบรรทุกภาคอีสานประมาณ 200 ราย ซึ่งโอนผ่านบัญชีม้าของนายประทิน ก่อนจะแปลงเป็นเงินสดออกจากบัญชีซึ่งต้องขยายผลต่อว่ามีการส่งต่อไปให้ใครบ้างซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายที่ให้ข้อมูลกับตำรวจแล้วประมาณ 50 บาท แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่ไม่ได้เข้ามาให้ข้อมูลเนื่องจากกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเพราะ ยินยอมจ่ายให้เจ้าหน้าที่เอง
ขณะที่ นายจักรกฤช ยอมรับว่าจากการตรวจสอบระบบ กรมทางหลวงในการช่างน้ำหนักรถบรรทุก มีความหละหลวมเป็นอย่างมากเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ไม่สามารถตอบคำถามว่าจะมีมาตรการติดตามรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินได้อย่างไร อีกทั้งชุดเฉพาะกิจ Spot check บางชุด ก็ไม่ได้มีการรายงานผลจับกุมผลการปฏิบัติการเป็นลักษณะของการปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันเอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางหลวง มีจำนวนน้อย ด่านช่าง1ด่าน มีเพียง เจ้าหน้าที่ทางหลวง 1 คน ที่เหลือเป็นเพียงลูกจ้างที่ปฏิบัติงานตามด่านช่างน้ำหนักเท่านั้น