ราชกิจจาฯ แพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โปรดเกล้าฯ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร ด้าน ‘รองสราวุฒิ’ แจงคืบหน้าประชุมสอบวินัย ‘บิ๊กโจ๊ก’ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กล่าวหาเสร็จแล้ว แต่ต้องสอบเพิ่มอีก 5 ปาก รับถ้าผลออกมาเป็นลบอาจหมายถึงให้ปลดออก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ราย พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ระบุว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน และขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 140 และมาตรา 379 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว
บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567
ประกาศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรี
ในวันเดียวกัน ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวน กรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมคณะกรรมการสอบสวนคนอื่นๆเข้าร่วมประชุม
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเรื่องนี้ ในวันนี้ จึงต้องมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า เราเริ่มทำงานมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ยังเหลือระยะเวลาในการรวบรวมตรวจสอบพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้ทราบว่า มีการสอบปากคำพยานต่างๆจากฝ่ายผู้กล่าวหาไปจำนวนมาก
“ยืนยันว่าเราดำเนินการโดยยึดหลักระเบียบข้อกฎหมาย และให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งภารกิจครั้งนี้ตนเปรียบดังกรรมการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญที่มีคนไทยทั้งประเทศเฝ้ามองอยู่ ในฐานะกรรมการจึงต้องเป็นกลาง”
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้กล่าวหา เบื้องต้นทราบว่าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาทางฝั่งผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การเพิ่ม รวมถึงมีการอ้างถึงพยานบุคคลอีก 5-6 คน จึงต้องสอบเพิ่ม เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้นจึงค่อยมาสรุป และ หารือพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทิศทางจะเป็นบวกหรือลบตอนนี้ยังไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ผลที่จะออกมามีทั้งบวกและลบ หากเป็นลบจะไปทางไหนได้บ้าง พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ลบก็หมายถึงว่าเราก็แจ้งข้อกล่าวหาไปว่าเขากระทำความผิดตามที่คณะกรรมการมีหน้าที่ หลังจากนั้นเป็นสิทธิ์ของเขาเองว่าจะไปร้องอะไรอย่างไรหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า “ลบ” โทษจะถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ตอบสั้นๆว่า ใช่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการจะพิจารณา มี 2 ประเด็นนี้
“ระยะเวลาในการตรวจสอบทั้งหมดมี 270 วัน ซึ่งหากภายในวันที่ 12 ก.ย. ยังไม่แล้วเสร็จ เรายังสามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 60 วัน เพราะยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 270 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาผู้ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่ไม่เคยมาเข้าพบนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว”
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนผลการตรวจสอบของคณะอื่นๆ จะออกมาทิศทางไหน ไม่ใด้กังวล หรือ กดดัน เพราะคนละหน้าที่กัน แต่ยอมรับว่าได้มีทำหนังสือไปสอบถามผลคณะตรวจสอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเพื่อความรอบครอบ ส่วนเรื่องกระแสข่าวว่ามีการถอดถอนแล้วนั้นตนยังไม่ทราบ
ต่อมาเวลา 15.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สราวุฒิ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการตรวจสอบชุดนี้ที่ยึดระเบียบข้อกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้ทราบว่าสอบปากคำพยานทั้งฝั่งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาไปทั้งหมดแล้ว 65 ปาก แสดงให้เห็นว่าดำเนินการด้วยความรอบครอบ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ยื่นเรื่องขอให้สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มอีก 5 ปากนั้น ได้ทำหนังสือไปถึงพยานบุคคลดังกล่าวเพื่อมาให้การในวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จ ก็จะนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนประเด็นการพิจารณา เราจะพิจารณาจากทุกประเด็น พิจารณาทุกอย่างหมด ขอให้สังคมสบายใจได้
ทั้งนี้เมื่อถามว่าหากฝั่งผู้ถูกกล่าวหายื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่มอีกนั้น จะเป็นการประวิงเวลาหรอไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ตอบว่า เราให้โอกาสทุกฝ่าย หากมีการยื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่ม ก็ต้องมาดูว่าคำให้การของพยานบุคคลเหล่านี้จะเกิดประโยชน์สามารถหักล้างข้อเท็จจริงอีกฝ่ายได้หรือไม่