ปปง.สั่งอายัดเงินฝาก 38 บัญชี 6.3 ล. ‘แก้ว ประสมผล’ กับพวกหลอกเจ้าของสถานบริการ อ้างชื่อ ผู้ว่าฯ อัยการ ป.ป.ช. วิ่งเต้นช่วยเหลือ ไม่ฟ้องคดีได้ โทร.ตบทรัพย์ผู้บริหารท้องถิ่น รร. กุเรื่องถูกร้องเรียน ก่อนให้เรียกเงิน พบมีประวัติถูกแจ้งความหลายแห่ง ล่าสุดศาลตัดสินจำคุกที่ขอนแก่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 111/2567 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายแก้ว ประสมผล กับพวก กรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ เป็นทรัพย์สินเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อบุคคลต่างๆ 38 รายการ รวม 6,374,313.08 บาท
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมระบุพฤติการณ์ นายแก้วหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของสถานบริการและอีกหลายราย โดยโทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดและสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นเรื่องสถานบริการที่ถูกทางจังหวัดสั่งปิด เพื่อเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ แอบอ้างว่าเป็นพนักงานอัยการประจำศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 สามารถช่วยเหลือโดยการสั่งไม่ฟ้องคดีได้ สุ่มโทรศัพท์ไปยังผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศ ก่อนกล่าวอ้างว่าผู้บริหารคนดังกล่าวมีคดีหรือถูกตรวจสอบทรัพย์สินและหลอกว่าขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยอ้างชื่อกรรมการ ป.ป.ช. แอบอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.สามารถช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ต้องถูกไต่สวนในชั้นของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงอ้างว่าตนเป็นเจ้าที่ ป.ป.ช. หรืออนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางคดีได้ โดยเรียกรับเงินจากผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อเป็นค่าช่วยเหลือ จนทำให้มีมีผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งหลงเชื่อยอมโอนเงินให้
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมมีรายละเอียดดังนี้
นายสาธิต สัมฤทธิ์ผ่อง เจ้าของสถานบริการ นายเสน่ห์ เสนะไพรวรรณ ประชาชนผู้เสียหาย กับพวกอีกหลายราย ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางโทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดและสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นเรื่องสถานบริการที่ถูกทางจังหวัดสั่งปิด เพื่อเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ แอบอ้างว่าเป็นพนักงานอัยการประจำศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 สามารถช่วยเหลือโดยการสั่งไม่ฟ้องคดีได้ กลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยสุ่มโทรศัพท์ไปยังผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศ ก่อนกล่าวอ้างว่าผู้บริหารคนดังกล่าวมีคดีหรือถูกตรวจสอบทรัพย์สินและหลอกว่าขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยอ้างชื่อกรรมการ ป.ป.ซ. แอบอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.สามารถช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ต้องถูกไต่สวนในชั้นของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงอ้างว่าตนเป็นเจ้าที่ ป.ป.ช. หรืออนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางคดีได้ โดยเรียกรับเงินจากผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อเป็นค่าช่วยเหลือ จนทำให้มีผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งหลงเชื่อยอมโอนเงินให้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรแก่งคอย ตามหนังสือที่ ตข 00016.(11).5(ส32)/7494 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2565 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด
เกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
นายสาธิต สัมฤทธิ์ผ่อง เจ้าของสถานบริการ นายเสน่ห์ เสนะไพรวรรณ ประชาชนผู้เสียหาย กับพวกอีกหลายราย ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางโทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดและสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นเรื่องสถานบริการที่ถูกทางจังหวัดสั่งปิด เพื่อเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ แอบอ้างว่าเป็นพนักงานอัยการประจำศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 สามารถช่วยเหลือโดยการสั่งไม่ฟ้องคดีได้ กลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยสุ่มโทรศัพท์ไปยังผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศ ก่อนกล่าวอ้างว่าผู้บริหารคนดังกล่าวมีคดีหรือถูกตรวจสอบทรัพย์สินและหลอกว่าขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยอ้างชื่อกรรมการ ป.ป.ซ. แอบอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.สามารถช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ต้องถูกไต่สวนในชั้นของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงอ้างว่าตนเป็นเจ้าที่ ป.ป.ช. หรืออนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางคดีได้ โดยเรียกรับเงินจากผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อเป็นค่าช่วยเหลือ จนทำให้มีมีผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งหลงเชื่อยอมโอนเงินให้
สืบสวนขยายผลปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแก้ว ประสมผล และบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมร่วมกันหลอกลวงหรือแสตงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อ
พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งคอย และในอีกหลายท้องที่ ให้ดำเนินคดีแก่คนร้ายเพื่อให้ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย เหตุเกิดที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 และอีกหลายท้องที่
พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งคอยรับก็ร้องทุกข์และดำเนินคดีอาญาที่ 932/2565 ในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อเบิกถอนเงินสดโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หมิ่นประมาท แสดงตนเป็นเจ้าหนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น พนักงานสอบสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดสระบุรีออกหมายจับนายแก้ว ประสมผล ในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ทั้งนี้ ตามหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรีที่ 206/2565 ลงวันที่ 29 กันยายน 2565 และมีการอกหมายจับอีกหลายคดีในหลายท้องที่ต่างกัน ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายแก้ว ประสมผล ผู้ต้องหาตามหมายจับที่8/2564 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2564 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 (ขอบแก่น) ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจฎธรบ้านเป็ดตามคดีอาญาที่ 280/2564 ดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นและร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายวีรวัฒน์ ภูไหมพรหม ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 7/2564 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2564 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 (ขอนแก่น) กับพวก เนื่องจากปรากฏชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮาส์ เลขที่บัญชี 2032055531 ที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นบัญชีในการรับโอนเงินที่ได้มาจาการหลอกลวง นายเสน่ห์ เสนะไพรวรรณ ผู้เสียหาย นายวีรวัฒน์ ภูไหมพรหม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า รู้จักกับนายแก้ว ประสมผล จริง โดยนายแก้ว ประสมผล ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารของนายวีรวัฒน์ ภูไหมพรหม ในการรับโอนเงินและให้เงินค่าตอบแทนร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชี เมื่อมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีแล้ว นายแก้ว ประสมผลจะสั่งการให้นายวีรวัฒน์ ภูไหมพรหม โอนเงินต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญที่บัญชี 4150047647 ของนายแก้ว ประสมผล
คดีนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ปัจจุบันนายวีรวัฒน์ ภูไหมพรหม และนายแก้ว ประสมผล ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลากลางจังหวัดขอนแก่น อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติญัติป้องกันและปราบปรามการพ่อกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายแก้ว ประสมผล กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธกรรม ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมมีมติมอบหมายหนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.535/2566 ลงวันที่ 4 กันยายน 25666 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ราย นายแก้ว ประสมผล กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกธุรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นายแก้ว ประสมผล กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติของกันและปราบปรามการพ่อกเงิน พ.ศ. 25542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรววจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 38 รายการ พร้อมดอกผล
จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าว เป็นเวลา 90 วัน