เผยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันฑ์ตีตกคดี 'ศิวพร หทัยเศรษฐ์' อดีตปฎิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ออก ส.ป.ก. 4-01 ทับที่สาธารณประโยชน์เลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองโดยมิชอบ หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบผลเสนอ คปจ. พิจารณาตามอำนาจหน้าที่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันฑ์ตีตกข้อกล่าวหา นางสาวศิวพร หทัยเศรษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปฎิรูปที่ดินจังหวัด (ปทจ.) บุรีรัมย์ ออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ทับที่สาธารณประโยชน์ "ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครอง" โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้มีหนังสือแจ้งจังหวัดบุรีรัมย์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองให้ชัดเจน และตรวจสอบว่ามีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) รุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองหรือไม่ เพียงใด เพื่อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จว่า ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ "โคกหนองตะครอง" เป็นพื้นที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวรป่าดงพลอง และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530 มอบให้ ส.ป.ก.ดำเนินการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2533 - 2534 ได้มีการรังวัดแปลงถือครองโดยช่างรังวัดจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจากส่วนกลาง และไม่ปรากฏว่ามีการคัดค้านจากผู้ปกครองท้องที่ขณะทำการรังวัดและเกษตรกรผู้นำทำการรังวัดได้มีการครอบครอบและทำประโยชน์มาก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ท้องที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2534 รวมทั้งการประชุมของคณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดินอำเภอคูเมือง (คปอ.) และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ (คปจ.) ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ปกครองท้องที่หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ได้มีการโต้แย้งคัดค้านว่ามีการรังวัดเพื่อออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) รุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์แปลงดังกล่าวแต่อย่างใด
อีกทั้งแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองยังไม่ชัดเจน จึงได้มีการรังวัดสอบเขตที่สาธารณประโยชน์อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2552 โดยในวันทำการรังวัดไม่สามารถทำการรังวัดตรวจสอบตามหลักฐานรายการรังวัดเดิมได้ เนื่องจากหมุดหลักฐานเส้นโครงงานและหลักเขตที่ดินเดิมสูญหายและสภาพพื้นที่ไม่ตรงกับลวดลายในระวางภาพถ่าย ทางอากาศซึ่งได้ลงที่หมายแผนที่ไว้เดิม
จึงให้ผู้แทนนายอำเภอท้องที่และผู้แทนนายก อ.บ.ต. ร่วมกันนำชี้แนวเขตที่ดินใหม่ โดยมีการนำชี้ตามแนวเขตคลองที่นายฉกาจ พยุงแสนกุล กำนันตำบลหนองขมาร ได้ขุดขึ้นภายหลังจากที่มีการรังวัดแปลงถือครองที่ดินของชาวบ้านแล้ว และมีการถ่ายทอดแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองในระวางแผนที่ของกรมที่ดินเมื่อปี พ.ศ.2552
พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะผู้ถูกกล่าวหาลงนามออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4 -01) ให้แก่เกษตรกร เมื่อปี พ.ศ.2546 และปี พ.ศ.2549 นั้น พื้นที่ตำบลหนองขมาร อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดินที่สามารถนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินได้ และเกษตรกรที่ยื่นขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินได้ครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว และมีคุณสมบัติเป็นไปตามระเบียบกฎหมายกำหนด และไม่ปรากฏว่าขณะทำการรังวัดมีการคัดค้านว่ามีการนำรังวัดรุกล้ำที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งขณะนั้นที่สาธารณประโยชน์ยังไม่มีแนวเขตที่ชัดเจน อำเภอคูเมืองจึงได้ทำการรังวัดสอบเขตที่สาธารณประโยชน์อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2552 ซึ่งการรังวัดแปลงถือครองที่ดินบริเวณดังกล่าวได้ดำเนินการโดยช่างรังวัดจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินส่วนกลาง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 - 2534 และไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีการนำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์ ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครอง ซึ่งขณะนั้นผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้มาดำรงตำแหน่งที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกับกระบวนการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินได้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายแล้ว จึงเข้าใจโดยสุจริตว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวสามารถที่จะออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินให้แก่เกษตรกรได้
กรณีจึงยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานให้รับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใดเห็นควรแจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์ประสานหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกันตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองให้ชัดเจนว่าอยู่บริเวณใด เพื่อป้องกันราษฎรเข้าไปบุกรุกและถือครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01)รุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองหรือไม่ เพียงใด และต้องดำเนินการ เพิกถอนหรือไม่ ประการใด เพื่อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันฑ์ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะไต่สวนเบื้องต้น ว่าจากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่านางสาวศิวพร หทัยเศรษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่ให้มีหนังสือแจ้งจังหวัดบุรีรัมย์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองให้ชัดเจน และตรวจสอบว่ามีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) รุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหนองตะครองหรือไม่ เพียงใด เพื่อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป