ที่ประชุมวุฒิสภามีมติ 159 เสียง โหวต ‘มงคล สุระสัจจะ’ นั่งประธานคนใหม่ เผยวิสัยทัศน์ เป็นประธานสว.ที่จะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศ ก่อนถ่อมตัวมาจากดิน ไม่มีเส้น เข้าใจปัญหาทุกคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมวุฒิสภา (สว.) นัดแรก เพื่อเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธาน สว. โดยมี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.ที่อายุสูงสุด ทำหน้าที่เป็นประธานชั่วคราว โดยเมื่อเปิดการประชุม สว.ได้กล่าวคำปฏิญาณตน
จากนั้น เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการเลือกประธาน สว.โดย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เสนอชื่อ นายมงคล สุระสัจจะ, นายเศรนี อนินบล เสนอชื่อ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร เสนอชื่อ นางสาวนันทนา นันทวโรภาส
ต่อมา ที่ประชุมถกเถียงกันกเรื่องเสนอให้แสดงวิสัยทัศน์ โดยเบื้องต้นจะให้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที ทำให้นางสาวนันทนา ไม่เห็นด้วย เสนอญัตติให้ แสดงวิสัยทัศน์ไม่เกิน 7 นาทีหรือแบบไม่จำกัดเวลา โดยให้เหตุผลว่า การแสดงวิสัยทัศน์ คือ การกำหนดทิศทางการทำงานในตลอดระยะเวลา 5 ปี จึงขอให้ที่ประชุมเห็นด้วยกับการแสดงวิสัยทัศน์แบบไม่จำกัดเวลาจะดีกว่า เพื่อประโยชน์ของประชาชนที่จะรับฟังวิสัยทัศน์ของคนที่จะมาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ท้ายที่สุด ที่ประชุมก็มีมติ 143 ต่อ 54 คะแนน งดออกเสียง 3 คะแนน ดังนั้น ทำให้ที่ประชุมมีมติให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อได้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที โดยที่ประชุมได้จับสลากแสดงวิสัยทัศน์ ตามลำดับคิว ได้แก่ นายแพทย์เปรมศักดิ์ นางสาวนันทนา และนายมงคลเป็นลำดับสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากบุคคลทั้งสามได้แสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้นประธานที่ประชุมได้ให้สมาชิกทำการลงคะแนนโดยวิธีลับ ด้วยการเขียนรายชื่อบุคคลที่เห็นควรได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาลงในกระดาษพร้อมใส่ลงไปในซองสีชมพูก่อนที่จะหย่อนลงหีบบัตรเลือกตั้ง โดยเรียงชื่อตามอักษรจนครบจากนั้นได้มีการขานคะแนนอย่างเปิดเผย
หลังจากกระบวนการคัดเลือกใช้เวลาประมาณผลปรากฎว่านายมงคลได้ 159 เสียง ขณะที่นพ. เปรมศักดิ์ได้ 13 เสียง และน.ส.นันทนาได้19 เสียง งดออกเสียงสี่เสียงบาดเสียห้าใบ ส่งผลให้นายมงคลเลือกให้เป็นประธานวุฒิสภาในที่สุด
@เป็นปธ.วุฒิที่จะสร้างความเป็นหนึ่งเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรอบของการแสดงวิสัยทัศน์ นายมงคลกล่าวต่อสมาชิกวุฒิสภาว่า ขอบคุณสมาชิกที่เสนอชื่อให้พิจารณาเลือกประธานวุฒิสภา นับตั้งแต่บรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย สำนึกว่าแผ่นดินนี้ได้ให้โอกาสมากมายเหลือเกิน จึงได้ตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่า จะอุทิศชีวิต ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินรับใช้ประชาชน รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นปณิธานที่แน่วแน่ยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่รับราชการจนถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมารับเลือกเป็นสว.คือความหวังที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อรับใช้ ประชาชน แก้ไขปัญหาคนในชาติ ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
นายมงคล กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่วันนี้ จะตั้งใจทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่หวังไว้ และเชื่อว่าทุกท่านก็มีความตั้งใจไม่ต่างกัน การปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติในฐานะสว. ที่ต้องการให้ประเทศไทย และคุณภาพชีวิตของคนไทย ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และดีขึ้นในทุกๆมิติ ซึ่งการทำงานของวุฒิโดยมีประชาชนเป็นเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา จะนำไปสู่สิ่งนั้นได้ อยากเห็นสังคมไทย คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องไม่สร้างความแตกแยก เราจะเริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้ วุฒิสภาเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติเป็นองค์กรสำคัญ ที่จะพาสังคมไทย เดินหน้าไปได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย และคนไทย อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภารกิจของเราทุกคนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา วิกฤติที่เกิดขึ้น ทั้งในทางการเมืองในทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่ประเทศอื่นก็เป็น เพราะฉะนั้น เราจะไปหวังให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน
นายมงคล กล่าวอีกว่า ชีวิตมาจากก้อนดิน ก้อนทราย เป็นเด็กวัดเรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ตนเองไม่มีเส้นมีสาย เติบโตมาในระบบราชการ ด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชนคลุกคลีกับพี่น้องประชาชน ในชนบทมาโดยตลอดชีวิต เมื่อเกษียณอายุราชการก็ยังไปทำไร่อยู่ในชนบท เพราะฉะนั้น ทราบดีและเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสมาชิก เข้าใจปัญหา มีประสบการณ์อันยาวนาน และมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า
“ผมเชื่อว่า ผมสามารถที่จะเข้าใจ และทำงานร่วมกับทุกคนได้ วุฒิสภาในปัจจุบันใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ผมว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญปี 60 ปฏิรูปใหญ่ในเรื่องนี้ ให้สภาเป็นของคนทุกหมู่เหล่าแบ่งเป็น 20 อาชีพ ถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่แทนกลุ่มอาชีพของตัวเอง ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน ขอให้ทุกท่าน ได้รักษาไว้ หากผมได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ กฎหมายต่างๆตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติทางด้านนิติบัญญัติอย่างเต็มสติปัญญา เต็มความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะรับใช้ และอำนวยความสะดวก ให้กับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกทุกท่าน ผมพร้อมที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ประสานงานกับทุกท่านให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุด และขอเชิญทุกคนมาช่วยงานกัน และก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้บรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชนจากกลุ่มวิชาชีพดังๆ เป็นสภาที่ประนอมอำนาจ เพื่อดับวิกฤตของสังคมไทย” นายมงคล กล่าว