ผู้พิพากษาศาลฎีกา ขอลาออกราชการกะทันหัน คนในอ้างเหตุมีกรณีหยิกยกคดี สส.เสียบบัตร ไปพูดคุยองค์คณะให้รอลงการลงโทษ ก่อน อนุ ก.ต.ลงมติ ไม่ให้ เป็น พ.อาวุโส
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า มีผู้พิพากษาศาลฎีกาที่มีตำแหน่งทางบริหารรายหนึ่งได้ขอลาออกจากราชการ ทั้ง ๆ ที่หลังจากที่พ้นตำแหน่งบริหาร ในวันที่ 30 กันยายน 2567 นี้ จะสามารถเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ไปจนถึงอายุ 70 ปี
แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุผลที่ผู้พิพากษาศาลฎีการายนี้ขอลาออกจากราชการ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษารวมถึงการพิจารณาว่าผู้พิพากษาซึ่งอยู่ฝ่ายบริหารและต้องพ้นตำแหน่งเมื่ออายุครบ 65 ปี จะไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสที่ศาลไหนอย่างไร โดยขั้นตอนการพิจารณารายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการตุลาการ(อนุ ก.ต.) ก่อน แล้วจึงส่งให้คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาอีกครั้ง
“ แต่ปรากฏว่า อนุ ก.ต. มีมติไม่ให้ผู้พิพากษาศาลฎีการายนี้เป็นผู้พิพากษาอาวุโส เนื่องจากมีการหยิบยกกรณีที่ผู้พิพากษารายนี้ไปพูดกับองค์คณะของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมืองให้รอการลงโทษสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่เสียบบัตรแทนกันในคดีนางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กับพวก แต่ในที่สุด องค์คณะพิพากษาให้จำคุกโดยไม่รอการลงโทษ" แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดี อม.อธ.6/2566 อัยการสูงสุด (อสส.) โจทก์ ยื่นฟ้องนายฉลอง เทิดวีระพงศ์ อดีต ส.ส.เขต 2 พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, นายภูมิศิษฏ์ คงมี อดีต ส.ส.เขต 1 พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามความผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภา
ศาลฎีกาชั้นอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คงจำคุก 9 เดือน โดยศาลวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ทำนองเดียวกันว่าโทษ 1 ใน 4 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาหนักเกินไป เนื่องจากจำเลยทั้งสามมีอายุมากแล้ว จึงขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุก ฟังไม่ขึ้น
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีโทษจำคุก 1-10 ปี การที่ศาลฎีกาวางโทษคนละ 1 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 1 ใน 4 เป็นโทษอัตราต่ำที่สุดแล้ว ไม่มีเหตุแก้ไขโทษของจำเลย
ส่วนการขอรอลงโทษจำคุก นั้น เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสาม ไม่ซื่อสัตย์ต่อการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่ให้รอลงโทษจำคุก เพื่อให้จำเลยหลาบจำและไม่ให้มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ขณะที่คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
ข่าวเกี่ยวข้อง:
-
ยืนโทษ! คุก 9 ด.3 สส.ภูมิใจไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน –ไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
-
วางหลักทรัพย์คนละล้าน! อดีต3 ส.ส.ภูมิใจไทย โดนคุก 9 ด.คดีเสียบบัตรแทน ได้ประกันตัวแล้ว
-
เปิดทรัพย์สิน‘นาที’เมียว่าที่ รมต.ยื่นเท็จ แจ้ง 304 ล. บ้านในอังกฤษ-เงินลงทุน 140 ล.