ป.ป.ช.เผยแพร่ผลคดีกล่าวหา 'อัสหาด หลังจิ' อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเจ๊ะบิลัง จังหวัดสตูล ทุจริตยืมเงินทำโครงการถนนอาหารฮาลาล ปี 54 ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน คืนเงิน 600,000 บาท พวก 1 ราย โดน 3 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายอัสหาด หลังจิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล กับพวก คือ นายกิจจา ทรัพย์อุดม ทุจริตในการยืมเงินเพื่อจัดทำโครงการถนนอาหารฮาลาล ประจำปี 2554 ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 151 และ 157 ประกอบมาตรา 83 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ดังนี้
1. นายอัสหาด หลังจิ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 147 จำคุก 5 ปี
ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ให้คืนเงิน 600,000 บาท แก่ผู้เสียหาย และให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 887/2560 ของศาลจังหวัดสตูล
2. นายกิจจา ทรัพย์อุดม จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 147 จำคุก 5 ปี
คำให้การและคำเบิกความจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามมาตรา 78 สองในห้า คงจำคุก 3 ปี ให้จำเลยที่ 2 คืนเงิน ซึ่งเมื่อรวมกับที่จำเลยที่ 1 ต้องคืนแล้วไม่เกิน 600,000 บาท แก่เทศบาลตำบลเจ๊ะบิลัง ผู้เสียหาย
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2567 ได้พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เห็นควรไม่ฎีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 เคยมีคำพิพากษาคดีกล่าวหา นายอัสหาด หลังจิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล กรณียืมเงินทดรองราชการเพื่อดำเนินโครงการถนนอาหารฮาลาล ประจำปีงบประมาณ 2555 โดยมิได้จัดทำโครงการดังกล่าว และไม่ส่งใช้เงินคืน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 151, มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
โดยศาลฯ มีคำพิพากษาว่า นายอัสหาด หลังจิ มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 147 อันเป็นบทเฉพาะ ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี
นายอัสหาด หลังจิ ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน และให้คืนเงิน 600,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
รวมโทษ 2 คดี 2 ปี 6 เดือน ,2 ปี 6 เดือน จากกรณีการยืมเงินเพื่อจัดทำโครงการถนนอาหารฮาลาล เหมือนกัน
อ่านประกอบ :