บอร์ดรฟท.ยังไม่เห็นชอบผลการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หลังอนุกรรมการฝ่ายทรัพย์สินมีข้อสังเกต หลังมีผู้ยื่นประมูลรายเดียว หวั่นทำได้ไม่ถึงเงื่อนไขที่กำหนด สั่งการหารือฝ่ายกฎหมายร่วมด้วย ‘อนันต์’ เผยอาจให้บอร์ดตัดสินใจอีกครั้งเดือน ส.ค.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดรฟท.ครั้งที่ 8/2567 วานนี้ (11 ก.ค. 67) พิจารณาข้อเสนอผลการประกวดราคา ประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ บริเวณอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ระยะเวลา 20 ปี ซึ่งมีกิจการร่วมลงทุน พี จี ดับบลิว อาร์ (PGWR Consortium) ที่ยื่นประมูลรายเดียว ได้รับการคัดเลือก
ในที่ประชุม คณะอนุกรรมการฝ่ายทรัพย์สิน รฟท.แสดงความเห็นกังวลในเชิงการบริหารจัดการ การเงิน และการลงทุนต่างๆในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงสัดส่วนการถือหุ้น ทุนจดทะเบียน และกระบวนการประมูลที่มีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว จะมีประสิทธิภาพในการทำงานได้จริงหรือไม่ โดยบอร์ดรับฟังความเห็นของอนุกรรมการทรัพย์สิน และสั่งให้นำไปหารือกับคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายต่อไป
ส่วนการจะยกเลิกโครงการและประมูลใหม่หรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งกรณียื่นประมูลรายเดียว ก็เป็นเหตุให้ยกเลิกได้แต่หากไม่ยกเลิกก็ต้องมีเหตุผล ซึ่งคณะกรรมการประกวดราคาจะพิจารณาและเสนอตามขั้นตอน และผู้ว่าฯรฟท.เป็นผู้มีอำนาจยกเลิกประมูลตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการยกเลิกประมูล รฟท. จะทำอย่างไรต่อ นายจิรุตม์กล่าวว่า บอร์ดเข้าใจเรื่องนี้เพราะสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เปิดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่คง ต้องได้ข้อสรุปข้างต้นก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ยอมรับว่า การเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ อาจจะต้องทบทวนเงื่อนไขใหม่ เพราะอาจจะตั้งมาตรฐานสูงไป ดังนั้นในขณะนี้ รฟท.จะดำเนินการเองไปก่อน
@บางข้อเสนอ เอกชนอาจทำไม่ไหว
ด้านนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ผลประมูลพัฒนากิจกรรมเชิงพาณิชย์ บริเวณอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งอนุกรรมการฝ่ายทรัพย์สินมีความเห็นเกี่ยวกับความมั่นคงของโครงการ โดยกังวลเรื่องการลงทุนระยะยาวถึง 20 ปี และเอกชนเสนอการลงทุนค่อนข้างสูง และให้ผลตอบแทน รฟท.สูงกว่าราคากลาง จึงมองว่า บางข้อเสนออาจทำไม่ไหว มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้โครงการไม่สำเร็จตามเป้าหมายได้ เช่น การลงทุนปรับปรุงประมาณ 700 ล้านาท ซึ่งต้องไปกู้มาดำเนินการ ขณะที่กำหนดทุนจดทะเบียนประมาณ 100 ล้านบาท จะหนักไปหรือไม่ นอกจากนี้ ต้องจ่ายผลตอบแทนและค่าเช่าให้กับรฟท.อีก
โดยเอกชนจ่ายผลตอบแทน 3 ส่วน ได้แก่ 1. ค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ 500 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน 2. ค่าส่วนกลาง (ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า) 150 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และ 3. บวกผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ซึ่งปีแรก จะส่งมอบพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร รฟท.จะได้ผลตอบแทนรวมอย่างน้อย 158 ล้านบาท และปีต่อไปจะเพิ่มขึ้นตามการส่งมอบบพื้นที่ ครบจำนวนทั้งหมด 47,675 ตารางเมตร จะมีค่าตอบแทนรวมอย่างน้อย 366 ล้านบาทต่อปี
ส่วนกรณีที่มีผู้ยื่นข้อเสนอ 1 ราย ตามระเบียบ ต้องยกเลิกยกเว้นมีเหตุผลซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการประกวดราคาฯพิจารณาในเรื่องข้อเสนอผลประโยชน์ที่รฟท.จะได้รับ อีกทั้งได้สอบถามบริษัทฯเพื่อยืนยันในการลงทุนแล้ว โดยมีการเจรจาได้ข้อยุติเมื่อเดือนก.พ. 2567 ที่ผ่านมา จึงเห็นว่าไม่น่ามีปัญหา อย่างไรก็ตามบอร์ดรฟท.ให้ หารือกับอนุฯด้านกฎหมาย ดูเงื่อนไขต่างๆ ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ เพื่อสรุปผลและนำเสนอบอร์ดรฟท.พิจารณาอีกครั้งคาดว่าจะเสนอได้ในเดือนส.ค. นี้