'บิ๊กเต่า' แจงคืบหน้าสอบเหตุเรือขนน้ำมันเถื่อนหาย 3 ลำ ยอมรับเข้าฝั่งไทยล่าช้ากว่ากำหนด เผยหลังจากเรือเข้าฝั่งแล้วจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด คาดของกลาง-ผู้ต้องหาอยู่ไม่ครบ ขณะ 11 ลูกเรือขบวนการน้ำมันเถื่อนเข้ามอบตัวแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น.ที่ กองกับกับการ7 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.สงขลา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. พ.ต.อ.ศราวุธร ลิจฉวีราช รอง ผบก.รน. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2บก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6บก.ป.พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผกก.7บก.รน. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน9, กรมเจ้าท่า, กรมศุลกากร, กรมสรรพสามิต, ร่วมประชุมความคืบหน้ากรณีการนำเรือของกลาง 3 ลำ มาเทียบท่าเรือกองกำกับการ 7 ตำรวจน้ำ จังหวัดสงขลา
โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีเรือของกลางขนน้ำมันเถื่อน 3 ลำ โดยกล่าวว่าตอนนี้เรือทำความเร็วได้ 5 น็อต หรือ 5 ไมล์ต่อชั่วโมง และยังต้องลากเรือที่เครื่องยนต์เสียอีก 1 ลำ ซึ่งคาดว่าจะมาถึงฝั่งล่าช้ากว่ากำหนด และตอนนี้เรือยังห่างชายฝั่งอยู่ประมาณ 25 ไมล์ทะเล โดยหลังจากผู้ต้องหาและของกลางเดินทางมาถึง จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดซึ่งคาดว่ามีไม่ถึง 8 รายมาสอบสวนก่อนและจะให้สพฐ. 9 เข้าตรวจสอบเรืออย่างละเอียด โดยขณะนี้ยังต้องรอติดต่อกับชุดจับที่อยู่ภายในเรือ เนื่องจากการติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ยากลำบาก ต้องใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเท่านั้น ทำให้ยังไม่มีรายละเอียดของตัวผู้ต้องหาหรือเรือของกลางที่เจอมานำเสนอต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า อยากจะได้ข้อเท็จจริงจากปากของผู้ต้องหาเพื่อมาประกอบกับแนวทางการสอบสวน เนื่องจากมีไทม์ไลน์เส้นทางการหลบหนีตั้งแต่ท่าเรือสัตหีบจนถึงปัจจุบัน และเมื่อสอบสวนเรียบร้อยแล้วจะให้สัมภาษณ์แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่จะพยายามให้จบภายในวันนี้ ส่วนผู้ต้องหาจะเหลือกี่คนหรือมีของกลางเหลืออยู่เท่าไหร่นั้นเมื่อกลับมาถึงชายฝั่งจะตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เบื้องต้นของกลางและผู้ต้องหาอาจจะอยู่ไม่ครบตามจำนวนที่หลบหนีไป
ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดหลังจากกลับขึ้นฝั่งแล้วจะฝากขังที่สภ.เมืองก่อนและจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นเครื่องไปดำเนินคดีที่ตำรวจกลางต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพเรือ 3 ลำไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ภาพปัจจุบัน เนื่องจากการติดต่อสื่อสารและการส่งรายละเอียดรวมถึงรูปภาพยังทำได้ยาก เพราะจับกลางทะเล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด
โดยรายละเอียดของเรือทั้ง 3 ลำมีดังต่อไปนี้
g
เรือกำไรเงิน
เรือเจ.พี.
เรือดาวรุ่ง
ทั้งนี้การให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.จรูญเกียรติเกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า กลุ่มลูกเรือขนน้ำมันเถื่อนจำนวน 11 คน พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.2 บก.ปอศ.) และ พนักงานสอบสวน ในฐานะเจ้าของคดีการจับกุมน้ำมันเถื่อน เพื่อเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกเกี่ยวกับกรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำหายไป
พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่าว่าพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียก ลูกเรือ น้ำมันเถื่อน ที่ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา 5 ลำ รวม 28 คน ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างด้าว โดยเป็นการออกหมายเรียกผ่านนายประกัน เพื่อให้นายประกัน ติดตาม และนำตัวลูกเรือ ทั้งหมดมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน เพื่อคัดกรอง และตรวจสอบจำนวนลูกเรือที่ยังอยู่ในประเทศ และจำนวนผู้ต้องหาที่หลบหนี
เบื้องต้น พบว่ามีลูกเรือ หลบหนี ไปกับเรือทั้ง 3 ลำ จำนวน 15 คน และยังอยู่ในประเทศอีก 13 คน โดยในจำนวน 13 คนนายประกันสามารถนำตัวมารายงานตัวในวันนี้ได้จำนวน 11 คนส่วนอีก 2 คน เป็นคนไทย 1 คน เมาหลับอยู่ในเรือ จึงไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ และต่างด้าวอีก 1 คน ยังคงอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอให้นายประกันเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ไม่ได้มารายงานตัวในวันนี้ โดยให้เร่งนำตัวมาพบพนักงานสอบสวนโดยด่วนเพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์การประกันตัว
“ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 15 คนที่หลบหนีไปพร้อมกับเรือทั้ง 3 ลำ พนักงานสอบสวนปอศ.เตรียมถอนประกัน เนื่องจากผิดสัญญาประกัน พร้อมทั้งเตรียมออกหมายจับฐานหลบหนีประกันตัว ซึ่งนายประกันจะต้องทำหน้าที่ เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้ ในส่วนของคดี ขโมยเรือ เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจกองปราบปราม ซึ่งคาดว่าตำรวจกองปราบ จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนขยายผลว่ามีใครอยู่เบื้องหลังและมีใครมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวบ้าง
ส่วนคดีการจับกุมเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นความผิดเกี่ยวกับ ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร ซึ่งคดีดังกล่าว ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่กระทำผิดตามกฎหมายไทย ดังนั้นเข้ามาร่วมทำการสอบปากคำด้วย
เมื่อถามถึงกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ตำรวจให้ประกันตัวลูกเรือทั้ง 28 คน ในวงเงิน 3 ล้านบาท ก่อนหน้านี้จนก่อให้เกิดปัญหาการหลบหนี พ.ต.อ.ชัชวาล ชี้แจงว่า ในกรณีดังกล่าว เป็นมติของที่ประชุมใหญ่ ที่มี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามน้ำมันเถื่อนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปนม.ตร มีมติร่วมกันว่าให้ประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกเรือทั้ง 28 คนได้เนื่องจากเรือ 3 ลำ ทั้งหมด 5 ลำมีปัญหาน้ำรั่วเข้าลำเรือ ซึ่งต้องทำการดูดน้ำออกจากเรือตลอดเวลา