รักษาการผบ.ตร.ยังไม่ได้รายงานนายกฯเรื่องเรือน้ำมันเถื่อนหาย 3 ลำ ชี้ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องขอให้รอการตรวจสอบ ด้าน ‘บิ๊กเต่า’ อัปเดทกำลังตรวจสอบอยู่ เตรียมเรียกลูกเรือสอบ 17 มิ.ย.นี้ แย้มอาจไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว จ่อประสานติดตาม ไม่ยืนยันโยงเสี่ยโจ้ ส่วนภาพกระบะเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล ภาค 1
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาการ ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย 3 ลำว่า ได้สั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางลงปฎิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา
@รอการสอบสวนของ ‘สอบสวนกลาง’
ผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกสั่งเด้งมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ในหน้าที่รับผิดชอบ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ขณะนี้รอการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยังไม่ได้มีการฟันธงว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่าเรือมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากไม่มีการเปิดทางจากเจ้าหน้าที่ เป็นไปได้ยากที่จะหายไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ขอให้รอผลการตรวจสอบ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเร่งดำเนินการอยู่แล้ว
@ปัดรายงาน ‘นายกฯ’ / ไม่ยืนยันใช่ เสี่ย จ.ไหม
ส่วนได้รายงานอะไรกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ไม่ได้รายงาน เพียงแต่เข้ามาสวัสดีท่านนายกฯ เฉย ๆ
เมื่อถามต่อว่าเรื่องเรือค่อนข้างกระทบความเชื่อมั่น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้เช่นกัน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการดูแลของกลางต้องรับผิดชอบ ตอนนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้คุยกับตนแล้ว ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง หากใครเกี่ยวข้องปล่อยปะละเลย หรือมีส่วนใด ๆ ที่ร่วมกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการทั้งทางวินัย และอาญา ขอให้รอฟังผลการตรวจสอบก่อน
ส่วนสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า "เสี่ย จ." ที่เป็นเจ้าของเรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เรือหายไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า ขอให้ดูผลการตรวจสอบ และการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.
@เรือที่หายกำลังตรวจสอบอยู่
ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเดียวกันว่า วานนี้ (13 มิ.ย. 67) ลงพื้นที่พร้อมเข้าร่วมประชุมกับหลายหน่วยเพื่อติดตามเรือที่หายไป เบื้องต้นสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้ทางตำรวจ บก.ปปป. ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับไปกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วเร็วที่สุด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในแนวทางสืบสวนเกี่ยวกับลูกเรือที่อยู่ในเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หายไป รู้จำนวนแน่ชัดแล้วว่ามีคนลงเรือ 16 คน ทราบชื่อตำหนิรูปพรรณแล้ว 14 คน ส่วนอีก 2 คน ทราบเพียงแค่ชื่อ แต่ยังไม่ทราบตำหนิรูปพรรณหรือรูปหน้า ตอนนี้ตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างตรวจสอบ
@เรียกลูกเรือสอบ 17 มิ.ย.นี้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับเรือน้ำมันเถื่อนของกลางนั้นมีด้วยกันทั้งหมด5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (17 มิ.ย. 67)ตำรวจ บก.ปอศ. จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบนี้มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. และคาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันอังคาร
@เรือ 3 ลำที่หาย ไปอยู่ ‘กัมพูชา’?
รอง ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงเช้านายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนของตำรวจขอชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
“ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้งสามลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา จากแนวทางสืบสวนพบว่า เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตาม เบื้องต้นได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา”
@ขอ 1 สัปดาห์สอบโยง เสี่ยโจ้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ขอเวลาประมาณสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น ส่วนเรื่องที่มีกระแสเสี่ยว่าเสี่ยโจ้ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว นั้น ยอมรับว่าจากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้พำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผู้ต้องหาถูกประกันตัวแล้วทำไมถึงสามารถกลับไปอยู่บนเรือของกลางได้อีก ขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า เพราะบ้านของพวกเขาคือเรือ พอประกันตัวเสร็จก็กลับไปอยู่กินบนเรือ ซึ่งยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่ง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ ซึ่งสั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า ผบช.ก. ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง
“ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 17.00 น. ขอขี้แจงว่า ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล ภาค 1 โดยมีการฝึกระหว่างวันที่ 10 ถึง 13 มิถุนายน ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายออกไปจากทางเทียบเรือ”