‘ภูมิธรรม’ เคลียร์ปมข้าวเก่า 10 ปี วอนวิจารณ์บนข้อเท็จจริง ยันข้าวทุกถุงมี 'ตรารองรับ' ยืนยัน 'สารรมข้าว' ไม่กระทบสุขภาพคน ปัดข่าวลือขนข้าวเก่าแจกหลายบริษัทเลี้ยงพนักงาน ขณะที่ 'สภาผู้บริโภค' ขอลงพื้นที่เก็บ 'ตัวอย่างข้าว' ไปตรวจสอบหาสารก่อมะเร็ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพข้าว เมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม 2567) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความในใจให้สาธารณะชนได้รับรู้แล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วในขั้นต้นก่อนนำข้าวมาประมูล ซึ่งเป็นการพิสูจน์ที่โปร่งใส ที่พูดเช่นนี้เพราะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการ และเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมานพ.วรงค์ เดชวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ก็ระบุว่าข้าวดังกล่าวไม่มีตรารับรอง ก็ขอให้ไปดูภาพที่สื่อมวลชนถ่ายไว้ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ผมอยากให้คนที่วิจารณ์ วิจารณ์โดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่นั่งคิดเองเหมือนนิยายแล้วนำมาพูด ซึ่งข้าวถือเป็นสินทรัพย์ของประเทศไทย การที่จู่ๆ มาด้อยค่าโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเท่ากับทำลายเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบโปร่งใสที่สุด สื่อมวลชนเป็นพยานได้ ผมไม่ได้ไปย้อมแมวขาย ฉะนั้น ข้าวจึงไม่จำเป็นต้องหอมเหมือนข้าวใหม่“ นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตามขั้นตอนของการประมูลข้าว ผู้ซื้อจะต้องมาตรวจสอบคุณภาพข้าว ซึ่งผู้ซื้อเขายอมรับได้ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ย้อมแมวขาย เพราะผู้ซื้อจะเอาไปขายในตลาดแอฟริกาไม่จำเป็นจะต้องเป็นข้าวใหม่ ก่อนจะย้อนถามว่าคนที่จะมาซื้อ จะยอมซื้อข้าวเน่าหรือ ธุรกิจคนที่มาซื้อเป็นหมื่นๆล้าน จะมายอมให้ธุรกิจพังได้อย่างไร
ดังนั้น ที่ออกมาพูดไม่มีความรู้ เท่ากับว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ผิดกฎหมาย แต่คิดว่าเจตนาไม่มีอะไร จึงไม่ได้ฟ้อง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วยังไม่หยุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงต้องไปจัดการให้มันเหมาะสม นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่อย่าด้อยค่าข้าวของประเทศเลย ไม่คิดว่าจะต้องมาฟอกข้าวเน่าข้าวเสีย เพื่อมาขายให้ได้ราคาดี ถ้ามันเน่าจริงก็ต้องขายตามสภาพ จะขายเป็นปุ๋ยหรืออุตสาหกรรม ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งมันพิสูจน์ได้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
@2 สารเคมีรมข้าวไม่กระทบสุขภาพ
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เมื่อมีการประมูลต้องให้ผู้ที่ส่งออกมาพูดเองว่าจะเอาหรือไม่เอา หรือจะเอาไปทำอะไร ส่วนสารอลูมิเนียมฟอสไฟด์ เป็นสารที่ใช้รมข้าว ไม่ใช่สารที่จะเอามาพูดกันให้เลอะเทอะ เป็นสารที่ยอมรับกันทั่วโลก ใครๆก็ใช้ไม่มีผลต่อชีวิตของผู้คน ส่วนสารอะฟลาท็อกซิน ที่เกาะติดอยู่กับรำข้าวและข้าวเปลือก หรือข้าวสาร จะต้องผ่านกระบวนการขัดสีและปรับคุณภาพข้าว ซึ่งก็จะหลุดออกไปเอง
"เราขายข้าวให้ได้ราคาดีเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรมันไม่ดีเหรอ ที่มาพูดกันเรื่อยเปื่อยใช้จินตนาการทั้งนั้น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามเป็นการทำลายข้าวไทย คุณสะใจเหรอครับ เป็นการด้อยค่า คุณหมอวรงค์อยากทำแบบนี้เหรอครับ หรืออีกหลายๆคนอยากทำแบบนี้หรอครับ มาจูงมือผมแล้วไปพิสูจน์ ถ้าไม่ใช่แล้วสามารถเข้าสู่กระบวนการได้ คุณต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ ฉะนั้นผมอยากให้ยุติได้แล้ว กระบวนการหลังจากนี้ไป ผมจะประกาศให้มีการประมูล และให้เข้าสู่กระบวนการจะไม่เกี่ยวกับผมแล้ว ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ผมไปกินข้าวมาแล้ว ทั้งหมดอยู่ในสายตาของสื่อ ที่กินน้อยเพราะมีโรคประจำตัว แต่ก็กินข้าวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้ง 2 จาน จะพิสูจน์อะไรอีก ยังมีปัญหาอะไรอีก ยังทำลายประเทศไทยไม่พอหรือ" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การส่งเข้าตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเป็นกระบวนการที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วในการประมูล แต่ถ้ามีปัญหามากจริงๆ คนก็ไม่ขัดข้อง หรือใครก็สามารถไปยื่นกับหน่วยงานต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการที่มีมาตรฐานไม่ใช่นายโน่นนายนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ ถ้ามีหน้าที่จริงคือไปยื่นกระทรวง จะไปดำเนินการให้ จะพาไปเกาะเจาะข้าวในโกดัง ที่มีคนกล่าวหาว่าสร้าง Story เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการ
"ผมพร้อมทั้งหมด แต่ขอให้พูดกันตรงๆ อย่าเอาไปพูดเรื่อยเปื่อย พูดกันจนตอนนี้ศักดิ์ศรีข้าวไทยจะไม่เหลืออยู่แล้ว อยากจะให้ปิดเรื่องนี้สักทีตนมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ผมต้องการที่จะปิดตำนานเรื่องนี้ ให้ไปในสิ่งที่ควรจะเป็น ใช้สมองคิดบ้างเปล่าครับ ที่พูดออกมา" นายภูมิธรรมกล่าวอย่างมีอารมณ์
@ปัดเอาข้าวเก่าแจกหลายบริษัท
เมื่อถามว่าตอนนี้มันเริ่มมีการลือในโซเชียลว่ามีข้าวเอาไปให้บริษัทนั้นบริษัทนี้แจกพนักงาน นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ข้าวที่เอาออกมาจากโกดังมีเพียง 2 ถุง ที่เอาไปให้คุณกิตติ (กิตติ สิงหาปัด) และคุณสรยุทธ (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) ที่เป็นสื่อจะได้ทานแล้วเข้าใจ ไม่ใช่ไปฟังจากคนอื่น ข้าวเป็นข้าวหลวงหากจะนำออกมาต้องมีกระบวนการ ความจริงแล้ว เอาออกมาก็ถือผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่ตนไปกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงสามารถนำออกมาได้ เพื่อให้มีการพิสูจน์ทราบ แต่คนอื่นๆที่ไปเอาข้าวตรงนั้นตรงนี้ เอามาจากไหนก็ไม่รู้ จึงขอให้มาขออย่างเป็นทางการ ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
@สั่ง 'อคส.'ประมูลข้าวเก่าแล้ว
นายภูมิธรรม ยังทิ้งท้ายได้ว่า ไม่ได้โมโห แต่พูดจากอารมณ์และใจจริง ของมันขึ้น รู้สึกมันน่าเบื่อหน่าย แทนที่จะมาช่วยกันให้มันขายได้ราคา ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามันไม่เน่ามันจะไปกระทบกระเทือนใคร อยากรู้แค่นี้ หมอวรงค์หรือใครก็ตาม ออกมาปกป้องสิ่งที่เคยทำผิดไว้หรือเปล่าตนไม่ทราบ ตอนนี้ได้ให้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เตรียมการเปิดประมูลข้าวแล้ว ซึ่งเป็นการเปิดทั่วไปทั้งหมด ถ้าไม่มีคนมาประมูลเลยจริงๆ ค่อยมาว่ากัน หรือจะมาขอซื้อกันในราคา 5 บาท ตนก็โอเค ยินดีขายในราคา 5 บาท แต่ถ้าขายในราคา 10 กว่าบาทขึ้นไปหรือเป็นราคาที่ไม่ใช่ข้าวเน่าจะเป็นอย่างไร อย่าไปคิดว่าเขาจะเอาไปหลอกขายรัฐบาลแอฟริกา เพราะแอฟริกามีอะไรที่เจริญมากกว่าประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไทย ไม่มีใครยอมจ่ายเงินแพงเพื่อซื้อข้าวเน่า
@‘สภาผู้บริโภค’ขอเก็บตัวอย่างข้าวไปตรวจ
วันเดียวกัน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า จากกรณีที่รัฐบาลเตรียมเปิดประมูลข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2556/2557 ซึ่งเก็บไว้ในโกดังเป็นเวลา 10 ปี นั้น สภาฯได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง รมว.พาณิชย์ เพื่อขอเข้าเก็บตัวอย่างข้าวสารจากโรงสีทุกแห่ง เพื่อส่งห้องปฏิบัติการที่ได้รับรอง ISO17025 ตามมาตรฐานการส่งอออกข้าว และพร้อมเผยแพร่ผลการทดสอบต่อสาธารณะต่อไป
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภายใต้สำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งประกอบด้วย นักวิชาการด้านเภสัชศาสตร์ Thai PAN นักวิทยาศาสตร์ นักกฎหมาย และองค์กรสมาชิกฯ พร้อมลงพื้นที่เพื่อสุ่มเก็บตัวอย่างข้าวในโกดังต่างๆ ก่อนนำข้าวดังกล่าวไปตรวจสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการที่ได้รับรอง ISO17025 ซึ่งคาดว่าจะได้ผลการตรวจสอบออกมาภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์
น.ส.สารี ระบุว่า สภาฯขอให้รัฐบาลยุติการจำหน่ายข้าวเพื่อการบริโภคหรืออาหารสัตว์ หากผลการตรวจยืนยันจากห้องทดลอง พบว่า มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย หรือมีสารก่อมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภายในประเทศหรือต่างประเทศ เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคที่จะได้รับความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครอง จากบริโภคสินค้า อาหาร หรือการใช้สินค้าหรือบริการต่างๆ
“ถ้าข้าวไม่ปลอดภัย ก็ควรไม่ปลอดภัยกับทุกคน ไม่ใช่ ไม่ปลอดภัยเฉพาะผู้บริโภคในประเทศเท่านั้น และถ้าพบว่า ข้าวมีความไม่ปลอดภัย หรือมีสารก่อมะเร็ง ก็ไม่ควรจำหน่ายเพื่อบริโภค หรือใช้เป็นอาหารสัตว์ แต่หากรัฐบาลดำเนินการเปิดประมูลข้าวดังกล่าว เพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริโภคหรือห่วงโซ่อาหารซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลทดสอบจากห้องทดลอง” น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี ย้ำว่า สภาฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกระทรวงพาณิชย์ในการเก็บตัวอย่างข้าวจากทุกโรงสีเพื่อตรวจสอบในครั้งนี้ และขอให้ผู้ร้องเรียนมั่นใจว่าสภาผู้บริโภคและภาคีเครือข่ายจะทำหน้าที่ผู้แทนผู้บริโภคอย่างเต็มความสามารถ ทดสอบข้าวโดยใช้ห้องทดลองที่ผ่านการรับรอง ISO17025 และเปิดเผยผลการทดสอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่สำคัญ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้บริโภครายนี้เรียกร้องให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนของผู้บริโภคในการเข้าไปตรวจสอบคุณภาพข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าวฯ ซึ่งเป็นข้าวที่เก็บไว้เป็นเวลากว่า 10 ปี และรัฐบาลเตรียมนำออกมาประมูลนั้น เป็นข้าวที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคหรือไม่ ดังนี้
1.ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภคแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ นักเคมี นักวิชาการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานอาหาร ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่รัฐบาลประกาศว่าจะนำออกขาย อย่างถูกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักเกณฑ์การตรวจระดับสินค้าข้าวเพื่อการส่งออก และประกาศให้สาธารณชนทราบถึงผลการตรวจพร้อมใบรับรองผลการทดลองอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการ
2.ขอให้ยับยั้งการประมูลข้าวเก่า 10 ปีของรัฐบาลแก่บริษัทเอกชน กองทัพ เพื่อการบริโภค หรือเป็นอาหารสัตว์ ตลอดจนการจำหน่ายถ่ายเทออกจากโกดังไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ จนกว่าจะได้ผลการทดลองในข้อ 1
3.หากผลการตรวจสอบพบว่าข้าวมีคุณภาพดี ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนกระบวนการประมูล โดยบริษัทที่ประมูลจะต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนประมูลว่าจะนำข้าวนั้นไปขายอย่างไร ปลีกหรือส่ง แหล่งที่จะจำหน่าย ตรวจสอบประวัติของบริษัทผู้เข้าประมูลอย่างเข้มงวด ว่ามีศักยภาพพอที่จะบริหารจัดการได้อย่างที่แจ้งไว้หรือไม่ กำหนดรายละเอียดป้ายฉลากสินค้าที่ควรต้องชัดเจนโดยละเอียด ว่าเป็นข้าวที่ประมูลจากโครงการจำนำข้าว วันหมดอายุ วิธีการหุง และห้ามนำไปผสมปนกับข้าวที่ได้จากที่อื่นโดยเด็ดขาดฯ
4.หากพบว่าข้าวเสื่อมสภาพ ขอคัดค้านการประมูลแม้เพื่อเป็นอาหารสัตว์ แต่หากสามารถนำไปแปรรูปได้ ขอให้ให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนการและติดตามการดำเนินงานเช่นเดียวกับในข้อ 3
5.หากพบว่าไม่สามารถทำประโยชน์ได้ หรือทำได้แต่ไม่มีผู้สนใจประมูล ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการกำจัดข้าวทั้งหมดที่ค้างอยู่ เพื่อความโปร่งใส และต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
อ่านประกอบ :
ก่อนโละ‘ข้าว’ล็อตสุดท้าย! สรุปบทเรียนเจ๊ง'จำนำข้าว'-ปิดโครงการฯไม่ลง เหตุคดีค้างศาลเพียบ