‘ศาล ปค.สูงสุด’ พิพากษา ‘ยกฟ้อง’ คดีเพิกถอน EIA โครงการ ‘แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน’ พร้อมสั่งให้ ‘ผอ.เขตหลักสี่’ ใช้อำนาจตามกฎหมาย กวดขันให้โครงการฯ ปฏิบัติตาม EIA อย่างเคร่งครัด
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด ทั้งในช่วงก่อสร้างและช่วงเปิดดำเนินโครงการ
โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า รายงาน EIA โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน มีรายละเอียดที่ครอบคลุมสาระสำคัญตามแนวทางการจัดทำรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 16 มิ.ย.2552
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 6 (คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และการบริการชุมชน) ได้มีมติให้ความเห็นชอบรายงาน EIA ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร) ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามมาตรา 39 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 (แบบ กทม 6) เลขที่ 121/2554 ครั้งที่ 33/2567/ ลงวันที่ 3 มี.ค.2554 ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) นั้น
เป็นกรณีที่ไม่ขัดต่อข้อกำหนดเกี่ยวกับความสูงของอาคาร ตามข้อ 44 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ด้วยเหตุนี้ การออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารในกรณี ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ดี โดยที่มาตรา 50 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ที่มีผลใช้บังคับในช่วงเวลาขณะเกิดกรณีพิพาท ได้บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาสั่งอนุญาต หรือต่ออายุใบอนุญาต นำมาตรการตามที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการสั่งอนุญาต หรือต่ออายุใบอนุญาต โดยให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายในเรื่องนั้นด้วย
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ไม่ปฏิบัติตามข้อ 11 ของใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารฯ เลขที่ 121/2554 ลงวันที่ 3 มี.ค.2554 ที่ให้ผู้ยื่นแจ้งฯ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
จึงต้องถือว่า เป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารตามใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ จะก่อสร้างอาคาร และถือเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ด้วย
เมื่อผู้สั่งอนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 ก่อสร้างอาคารโดยมีเงื่อนไข ได้ทราบถึงการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตนเอง ได้นำไปกำหนดไว้ในการอนุญาตครั้งดังกล่าว และยังถือเป็นเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีหน้าที่ในการพิจารณาทบทวนการอนุญาตครั้งนั้นว่า ยังมีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ปรากฏว่า ได้มีการพิจารณาทบทวนการออกคำสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารครั้งดังกล่าว และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ปล่อยปละละเลยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน
ทั้งที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) อยู่ในวิสัยที่สามารถจะใช้มาตรการบังคับทางปกครองเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของตนได้ เนื่องจากการดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 เป็นโครงการขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ที่มีขอบเขตที่จำกัดบริเวณแน่นอน และเป็นการดำเนินการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 3 (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ควบคุมและระงับ ยับยั้งการก่อสร้างอาคารโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือฝ่าฝืนต่อเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ มิได้ใช้มาตรการทางปกครองอย่างครบถ้วน ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการให้การควบคุมอาคารและการรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้น สัมฤทธิ์ผลได้ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย แต่กลับปล่อยให้เกิดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน
กรณีจึงพิจารณาได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดที่ี 3 (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติแล้ว ทั้งนี้ ความเสียหายตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง เป็นผลที่ไกลเกินกว่าเหตุจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จึงมิได้กระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดจึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสยีหายในกรณีนี้ จากผู้ฟ้องคดีที่ี 1 (กรุงเทพมหานคร) ได้แต่อย่างใด
พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ดำเนินการก่อสร้างโครงการ อาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ในการประชุมครั้งที่ 59/2553 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 อย่างเคร่งครัด ทั้งในช่วงก่อสร้าง และช่วงเปิดดำเนินโครงการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 39 (สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับพวก) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (กรุงเทพมหานคร ,ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ร่วมกันออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการจัดทำรายงาน EIA ที่ไม่ถูกต้อง
และโครงการดังกล่าวเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะปิดกั้นแสงอาทิตย์และทิศทางลม อันส่งผลกระทบต่อสิทธิของชาวบ้านและผู้ฟ้องคดีโดยชัดแจ้ง ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีกลับละเลยเพิกเฉยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
ผู้ฟ้องคดีทั้ง 39 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและเพิกถอนรายงาน EIA โครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมิเนียม งามวงศ์วาน และให้ผู้ถูกฟ้องคดที่ี 1 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ใน EIA ให้ครบถ้วน กับให้ชดใช้ค่าเสียหาย
ต่อมาศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ที่ 3 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 12 ที่ 13 และที่ 16 พร้อมดอกเบี้ย และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ (ผู้อำนวยการเขตหลักสี่) ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ี 5 (บริษัท เดอะแวลู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารชุด แอสปาย คอนโดมเนียม งามวงศ์วาน
โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กหนดไว้ในรายงาน EIA ที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 (คณะกรรมการผู้ช านาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และการบริการชุมชน) ในการประชุมครั้งที่ 59/2553 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 อย่างเคร่งครัด ทั้งในช่วงก่อสร้างและช่วงเปิดดำเนินโครงการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาดังกล่าว