ป.ป.ช.เห็นชอบข้อเสนอป้องกันทุจริต นโยบายจัดซื้อจัดจ้างบัญชีนวัตกรรม ย้ำต้องมีการกำหนดนิยามให้ชัด แก้ไขปัญหาระบบสืบค้น ชี้ ก.คลัง-มหาดไทยควรกำหนดแนวทางกำชับหน่วยงานในสังกัดทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกระบุว่า นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทยต่อคณะรัฐมนตรี มีข้อเสนอแนะโดยสรุปจำนวน 3 ข้อ แบ่งเป็นข้อเสนอแนะในช่วงพัฒนานโยบาย ข้อเสนอแนะช่วงนำนโนยบายไปปฏิบัติจำนวน 7 ข้อ และข้อเสนอแนะแก้ปัญหาทุจริต 3 ข้อมีรายละเอียดดังนี้
1. ข้อเสนอแนะในช่วงการพัฒนานโยบาย
- ประเด็นการดำเนินนโยบายที่อาจมีอุปสรรค หากในอนาคตประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกความ ตกลงการค้าระหว่างประเทศ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกระทรวงการต่างประเทศ นำแนวทางที่ประเทศไทยสามารถดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 การขอใช้มาตรการในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional measures) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในไทย ทั้งความตกลง GPA และ CPTPP ที่มีบทระบุถึงมาตรการในระยะเปลี่ยนผ่านสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่ เข้าร่วมเป็นสมาชิก และแนวทางที่ 2 การระบุข้อยกเว้นสำหรับภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มธุรกิจเป้าหมายมาใช้ประกอบการขับเคลื่อนนโยบายและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยเร็ว
2. ข้อเสนอแนะในช่วงการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
ข้อเสนอแนะต่อสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
2.1 ประเด็นคำนิยามนวัตกรรมไทยไม่มีความชัดเจน เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการให้ สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยให้มีความแตกต่างกันตามระดับนวัตกรรมไทย ซึ่งอาจจำแนกระดับนวัตกรรมไทยออกเป็น 2 ระดับคือ ระดับที่ 1 นวัตกรรมไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และระดับที่ 2 นวัตกรรมไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และในการจำแนกระดับนวัตกรรมไทยควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ ในการพิจารณาที่ชัดเจน และควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมถึงความเหมาะสมในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยตลอดจนการมีหลักฐานปรากฏเป็นผลงานวิจัยของคนไทย การอนุญาตให้ใช้สิทธิหรือการได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีของคนไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ได้รับประโยชน์ทางตรงคือ ประเทศไทย เป็นต้น
2.2 ประเด็นผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยยังไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากภาครัฐ เห็นควรให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยให้ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้น โดยให้มีการกำหนดแนวทางการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ความร่วมมือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นต้น
2.3 ประเด็นคุณสมบัติของผู้ขายผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติของ ผู้เสนอราคากับหน่วยงานของรัฐ เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้จำหน่ายและผู้แทนจำหน่ายให้มีคุณสมบัติสอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับหน่วยงานของรัฐก่อนประกาศขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เช่น การเป็นผู้มีความสามารถตามกฎหมาย การไม่เป็นบุคคลซึ่งถูกระบุชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน การไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน การเป็นผู้มีอาชีพนั้นโดยตรง เป็นต้น
2.4 ประเด็นผู้ประกอบการ ไม่แสดงข้อมูลโครงสร้างราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมไทย เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยเพิ่มเติม เช่นการกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแสดงข้อมูลโครงสร้างราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยโดยมีสำนักงบประมาณเป็นผู้รับผิดชอบในการรักษาความลับข้อมูล
2.5 ประเด็นระบบสืบค้นบัญชีนวัตกรรมไทยมีการกำหนดชื่อและรหัสผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยไม่ตรงกับชื่อและรหัสสินค้าหรือบริการในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการปรับปรุงฐานข้อมูลในระบบสืบค้นบัญชีนวัตกรรมไทยของสำนักงบประมาณให้มีชื่อและรหัสตรงกับชื่อและรหัสสินค้าหรือบริการในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง และในระยะยาวอาจพิจารณาจัดทำหมวดรายการผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยในระบบสืบค้นบัญชีนวัตกรรมไทยให้เป็นรหัสมาตรฐานสากล (UNSPSC)
2.6 ประเด็นภาครัฐขาดการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรม ในบัญชีนวัตกรรมไทยที่มีประสิทธิภาพ เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทยให้มีความชัดเจน เช่น แนวทางในการติดตามและประเมินผลการใช้งบประมาณภาครัฐในการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุส่งเสริมนวัตกรรมกับระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement: e-GP) ของกรมบัญชีกลาง แนวทางในการติดตามและประเมินผลเมื่อหน่วยงานของรัฐมีเหตุผล และความจำเป็นที่ไม่สามารถจัดซื้อพัสดุส่งเสริมนวัตกรรมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้
2.7 ประเด็นภาครัฐขาดการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงาน เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางในการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานของรัฐที่มีความประสงค์จะจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยถือปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
3. ข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาและความเสี่ยงการทุจริต
3.1 ประเด็นการแข่งขันไม่เป็นไปตามกลไกการตลาดอย่างเป็นธรรม และความเสี่ยงการ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขายรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ เห็นควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนแนวนโยบายที่ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมโดยตรงจากผู้ประกอบการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมนั้นได้มีการกำหนดราคาไว้แล้ว ประกอบกับการให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานของรัฐในการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อป้องกันมิให้แนวนโยบายดังกล่าวเป็นช่องว่างแห่งกฎหมาย (gap in the law) ที่นำไปสู่ความเสี่ยงการเป็นตลาดผู้ขายผูกขาด และความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาแนวทางในการให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานของรัฐในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การให้แต้มต่อราคา
3.2 ประเด็นการทุจริตในการจัดซื้อยาในบัญชีนวัตกรรมไทย เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการขับเคลื่อนข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เช่น การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสม และกฎหมายอื่นที่มีความเกี่ยวข้องให้แก่บริษัทผู้จำหน่ายยาให้เกิดความรู้ความเข้าใจและนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
3.3 ประเด็นการปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เห็นควรให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง กำหนดแนวทางในการกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย ระเบียบ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ในเรื่องดังนี้
(1) การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นต้องมีการสำรวจความต้องการของประชาชน และมีการสำรวจพื้นที่ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริง และมีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสภาท้องถิ่นต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาท้องถิ่นอย่างรอบคอบ และควบคุมการปฏิบัติงาน ของผู้บริหารท้องถิ่นให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และอื่น ๆ อย่างเคร่งครัด
(2) การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และการขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ แนวทางการจัดทำคำของบประมาณอย่างเคร่งครัด มีการสำรวจความพร้อมในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือมีเอกสารหลักฐานยืนยันความถูกต้องครบถ้วน และมีการกลั่นกรองโครงการและตรวจสอบ ความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสารโครงการอย่างรอบคอบ
(3) การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุส่งเสริมนวัตกรรมต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ประกอบกับกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 หมวด 4 ประกอบกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 48
(4) การกำหนดราคากลางพัสดุส่งเสริมนวัตกรรมต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 4(3) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560