เจ้าของ รง.กากแคดเมียมบางซื่อ ขอเลื่อนให้ปากคำ ปทส.ไป 18 เม.ย. อ้างติดธุระต่างจังหวัด ยืนยันพร้อมเปิดเผยที่มากากแคดเมียม ขณะ จนท.อนามัย กทม.เตรียมเก็บตัวอย่างน้ำดื่ม น้ำทิ้ง รัศมี 1 กม.รอบโรงงาน ล่าสุดข้อมูลกรมโรงงานเผยกากแคดเมียม 6 จุดอยู่ที่ 1.25 หมื่นตัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีพบกากสารแคดเมียมจำนวน 300 ตันที่โรงงานบริษัทล้อโลหะไทย แมททอล จำกัด ภายในซ.เรียงปรีชา ถ.ประชาราษฏร์ แขวงและเขตบางซื่อ กทม.ตั้งแต่เมื่อวันทื่10 เม.ย.ว่า
พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้เปิดเผยว่านายเจษฏา เก่งรุ่งเรืองชัย หรือเสี่ยเจษ หุ้นส่วนของบริษัทเจแอนด์บี เมทอล จำกัด ผู้เป็นเจ้าของโรงงานที่มีการพบสารแคดเมียนได้มีการติดต่อมายัง ปทส.แล้ว โดยอ้างตัวว่าติดธุระอยู่ที่ต่างจังหวัด พร้อมขอเลื่อนนัดการเข้ามาให้ปากคำในวันนี้(11เม.ย.) ไปเป็นวันที่ 18 เม.ย.นี้แน่นอน และพร้อมที่จะเปิดเผยที่ไปที่มาของกากแคดเมียมอีกด้วย
พ.ต.อ.อภิสัณห์ กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับการติดตามกากแคดเมียมในส่วนที่เหลือซึ่งน่าจะยังเหลืออีกไม่มาก โดยนายเจษฎาเองก็ระบุด้วยว่าเท่าที่ติดตามเจอนั้นก็น่าจะครบแล้ว เพราะตามปริมาณ 15,000 ตัน นั้นเป็นการนับจากจำนวนน้ำหนักกากแคดเมียมในแต่ละถุงบิ๊กแบ็ค ซึ่งทุกถุงนั้นหนักไม่เท่ากันอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการสูญหายระหว่างเก็บรักษาอีกด้วย จนทำให้เหลือปริมาณเท่าที่ตรวจพบ อย่างไรก็ตามจะต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไม่มีการตกหล่นไปที่ไหนอีกด้วย
อนึ่งการติดต่อของนายเจษฎาเพื่อขอเลื่อนให้ปากคำนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหานางวรรณา เก่งรุ่งเรืองชัย อายุ 65 ปี ภรรยาของนายเจษฏา ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำนักข่าวอิศรารายงานความคืบหน้าอื่นๆ เพิ่มเติมว่าในวันนี้ เจ้าหน้าที่กลุ่มอนามัย กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและดินบริเวณโรงงานย่านบางซื่อ ที่ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งการเข้าพื้นที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวคัดกรองผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น เนื่องจากโรงงานดังกล่าวอยู่ภายใต้ประกาศการควบคุมอาคาร ขณะที่กากแคดเมียมที่พบเมื่อวาน 150 ตัน มีคำสั่งอายัดห้ามเคลื่อนย้ายติดประกาศไว้ที่ถุงบิ๊กแบ็กด้วย
นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มุ่งเก็บตัวอย่างน้ำใช้ น้ำดื่ม และน้ำทิ้ง ในรัศมีใกล้เคียงโรงงาน 1 กิโลเมตร ก่อนตรวจสอบระบบระบายท่อน้ำทิ้ง เนื่องจากพบว่าโรงงานแห่งนี้มีท่อระบายน้ำทิ้งเชื่อมต่อไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งต้องดูว่ามีระบบการคัดกรองหรือบำบัดน้ำเสียหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนที่อาศัยใกล้เคียงแม่น้ำเจ้าพระยาหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติไปก่อน จนกว่าจะมีผลตรวจยืนยันอีกครั้ง
ส่วนพนักงานของโรงงานแห่งนี้จะมีการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกาย จากข้อมูลยังไม่มีการซักประวัติอย่างละเอียดว่ามีกลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงบ้าง แต่โดยรอบพื้นที่เป็นโรงงานทั้งหมดในรัศมี 1 กิโลเมตร จึงทำให้กลุ่มเสี่ยงน่าจะอยู่ที่พนักงานของโรงงานดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากชาวบ้านอยู่ไกลออกไป หากไม่พบว่าโรงงานแห่งนี้เคยถลุงก็จะไม่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ซึ่งจะไม่มีความเสี่ยงเท่ากับผู้ที่สัมผัส
ขณะที่ชาวบ้านบริเวณปากซอยของโรงงานจุดพบแคดเมียม ยอมรับว่ากังวลใจอย่างมาก เพราะติดตามข่าวสารเคมีอันตรายนี้มาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ใกล้บ้านตัวเอง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดแพทย์มาตรวจหาแคดเมียมในร่างกายชาวบ้าน และรีบย้ายกากแคดเมียมออกจากพื้นที่โดยเร็ว
โดยล่าสุดมีรายงานอ้างอิงข้อมูลกรมโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับปริมาณกากตะกอนเเคดเมียมที่ตรวจพบรวมทั้งหมดระบุว่า
1. บริษัท J&B (106/60) สมุทรสาคร ตรวจพบกากแคดเมียม 6,151 ตัน
2. บริษัท J&B(60) สมุทรสาคร ตรวจพบ 340.5 ตัน
3. ตำบลคลองกิ่ว ชลบุรี 4,391.11 ตัน
4. บริษัท ซิน หงฯ สมุทรสาคร ตรวจพบ 1,034 ตัน
5. โกดังคลองมะเดื่อ สมุทรสาคร ตรวจพบ 468 ตัน
6. บริษัท ล้อโลหะไทยฯ แถวบางซื่อ กทม ตรวจพบ 150 ตัน
รวมประมาณกากแคดเมียมทั้งหมด 12,534.61 ตัน