ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ ที่ดิน เงินฝาก 7 รายการ 1.3 ล. เจ้าสำนักการเวกเทพหน้าทองอาจารย์ไสยศาสตร์ชื่อดัง จ.ปทุมธานี ฉ้อโกงปชช. อ้างทำให้คนรักกลับมาคืนดีกันใน 3-7 วัน แฉพฤติกรรมเรียกเงิน หลอกชำเราผู้เสียหายหญิง ให้ภรรยา 3 คนชำเราผู้เสียหายชาย แจ้งความ 8 ราย หมด 2 ล. ศาลตัดสินจำคุก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.78/2567 ลงวันที่ 13 มี.ค.2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ กับพวก กรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยโฆษณาทางเว็บไซต์ ww.akaravak.com อ้างตนเองว่าเป็นอาจารย์ด้านไสยศาสตร์ ชื่อ อาจารย์การเวก มีความสามารถในการทำคุณไสยให้คนรักกลับมาคืนดีกันได้ในเวลาสามวันเจ็ดวัน และมีความสามารถในการทำคุณไสยอีกหลายประการ เช่น กุมารทอง ทำมาค้าขึ้น เสน่ห์ยาแฝด นะหน้าทอง เป็นต้น หลอกให้ผู้เสียหายชำระเงินค่าเข้าพบ ค่าพานดอกไม้ ธูปเทียน คำทำพิธีต่าง ๆ ค่าเงินทำหุ่น และค่าซื้อทองมาใส่หุ่นเป็นจำนวนมาก หากลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นผู้หญิง นายธนวรรษ จะหลอกกระทำชำเรา หากลูกค้าเป็นผู้ชายจะให้ภรรยา 3 คนกระทำชำเรา โดยผู้เสียหายทุกคนยอมให้กระทำชำเรา เนื่องจากหลงเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธี ซึ่งมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม จำนวน 8 ราย ถูกหลอกเงินรวมประมาณสองล้านบาท
ต่อมาศาลอาญาได้มีหมายจับและพิพากษาว่ากระทำความผิด กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายธนวรรษกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิย ได้แก่
ที่ดินตามโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างใน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 2 แปลง
ที่ดินไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ในอ.นครซัยศรี จ.นครปฐม 3 แปลง
และเงินในบัญชีเงินฝาก 2 รายการ รวมทั้งสิ้น 7 รายการมูลค่า 1,385,221.24 บาท
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ในการยึดและอายัดทรัพย์สินที่มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครื่อข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปรากฏตามหนังสือร้องเรียน ลับ ลงวันที่ 17 มีนาคม 2557 และได้รับรายงานจากกองบังคับการ 2 กองบังคับ
การปราบปราม ปรากฏตามหนังสือ ลับ ที่ ตซ 0026.22/970 ลงวันที่ 2 เมษายน 2557 เรื่อง ส่งแบบรายงานการจับกุมคดีความผิดมูลฐาน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ข้อ 4 ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ
ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2553 ถึงเดือนมีนาคม 2557 นายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ กับพวก ได้โฆษณาทางเว็บไซต์ ww.akaravak.com โดยอ้างตนเองว่าเป็นอาจารย์ด้านไสยศาสตร์ ชื่อ อาจารย์การเวก มีความสามารถในการทำคุณไสยให้คนรักกลับมาคืนดีกันได้ในเวลาสามวันเจ็ดวัน และมีความสามารถในการทำคุณไสยอีกหลายประการ เช่น กุมารทอง ทำมาค้าขึ้น เสน่ห์ยาแฝด นะหน้าทอง เป็นต้น โดยมีสำนักอยู่ที่บ้านเลขที่ 61/89-90 หมู่บ้านพรธิสาร 6 ถนนรังสิต-นครนายก คลองเจ็ด ตำบลบึงบอน อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ใช้ชื่อสำนักว่า สำนักอาจารย์การเวก เทพหน้าทอง เสน่ห์มอญแปลงรูป ซึ่งภายในบ้านตกแต่งให้คล้ายถ้ำตามป่า โดยมีนางสาวจุฑาทิพย์ นางสาวสุมิตรา นางสาวศติยาพร และนางสาวตรีสุคนธุ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นภรรยาของนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ และอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน
โดยบุคคลทั้งสี่คนดังกล่าว มีหน้าที่นัดแนะลูกค้ารับโทรศัพท์ และจัดคิวลูกค้าให้นัดพบนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ รวมทั้งยังจัดทำพานดอกไม้ ธูปเทียนเพื่อทำพิธี และรับเงินจากลูกค้าใส่พานถวายให้นายธนวรรณ อัศวพลสุวรรณ โดยนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ จะหลอกให้ผู้เสียหายชำระเงิน ซึ่งได้แก่ ค่าเข้าพบ ค่าพานดอกไม้ ธูปเทียน คำทำพิธีต่าง ๆ ค่าเงินทำหุ่น และค่าซื้อทองมาใส่หุ่น เป็นจำนวนมาก หากลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นผู้หญิง นายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ จะหลอกกระทำชำเราหากลูกค้าเป็นผู้ชาย จะให้นางสาวสุมิตรา นางสาวตรีสุคนธุ์ และนางสาวศติยาพร มากระทำชำเรา โดยผู้เสียหายทุกคนยอมให้กระทำชำเราเนื่องจากหลงเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธี ซึ่งมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามไว้แล้วจำนวน 8 ราย ถูกหลอกเงินรวมประมาณสองล้านบาท
ต่อมาศาลอาญาได้มีหมายจับนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ นางสาวจุฑาทิพย์ นางสาวสุมิตรา นางสาวศติยาพร และนางสาวตรีสุคนธุ์ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 428-432/2557 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเจ้าพนักงานที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ และนางสาวจุฑาทิพย์ ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามหมายจับของศาลอาญา
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ศาลอาญาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1494/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3193/2558 พิพากษาลงโทษนายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ จำเลยที่ 1 นางสาวจุฑาทิพย์ จำเลยที่ 2 นางสาวสุมิตรา จำเลยที่ 3 นางสาวศติยาพร จำเลยที่ 4 และนางสาวตรีสุคนธุ์ จำเลยที่ 5 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 343 และให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ร่วมกันคืนเงินหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย ยกฟ้องโจทก์สำหรับผู้เสียหายที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ขอให้ยก จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญา ต่อมาวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำที่ 2356/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 20342/2559 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ฐานฉ้อโกงประชาชน จำคุกกระทงละ 1 ปี คนละ 7 กระทง รวมจำคุกคนละ 7 ปี การกระทำของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน พ.ศ. 2490 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง เพียงกระทงเดียวจำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี นอกจากที่แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ต่อมาจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ศาลฎีกาในคำพิพากษาที่ 3088/2562 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 มาตรา 72 วรรคหนึ่งและวรรคสาม การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง ตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 นอกจากที่แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ กับพวก มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ กับพวก ได้ไปซึ่งรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน