ผอ.รพ.สงฆ์ ยันไม่มีเรื่องส่อทุจริต เผยเป็นเรื่องเข้าใจคลาดเคลื่อนในรายละเอียดเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง ปม 4 ผู้บริหารขอลาออกพร้อมกัน เตรียมเปิดโต๊ะกลมคุยสัปดาห์หน้า หลังกลับจากภารกิจที่ต่างประเทศ
จากกรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวในโรงพยาบาลสงฆ์ว่า ในช่วงปลายเดือน มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูง 4 ราย ของโรงพยาบาลสงฆ์ ประกอบด้วย นพ.สมเกียรติ เกษมธรรมคุณ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ดร.ดุษฎี ใหญ่เรืองศรี รองผู้อำนวยการด้านการพยาบาล นพ.อนุตพงษ์ ชูจันทร์ รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพ และ นพ.ประวิทย์ ตันติวัฒนาศิริกุล หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม ในฐานะคณะกรรมการบริหารหน่วยงาน ได้ทำบันทึกถึงอธิบดีกรมการแพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อขอลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกัน
โดยผู้บริหารระดับสูงทั้ง 4 ราย ระบุถึงเหตุผลการลาออกเหมือนกัน ว่า "เนื่องจากการบริหารงานของผู้มีอำนาจในโรงพยาบาลสงฆ์ ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใสในการบริหารราชการ ทำให้เกิดความไม่สบายใจและความไม่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจรวมถึงครอบครัว จึงขอลาออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567 เป็นต้นไป"
ต่อมาวันที่ 30 มี.ค.2567 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงข่าวการถอนใบลาออก ของคณะผู้บริหารทั้ง 4 รายดังกล่าว โดยคณะกรรมการบริหารหน่วยงานมีโอกาสได้ปรึกษาคณะผู้บริหารในระดับกรมอย่างใกล้ชิด ทำให้รับทราบถึงความใส่ใจและความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาระดับสูง คณะผู้บริหารทั้ง 4 รายดังกล่าว รู้สึกขอบพระคุณในความเข้าใจและกำลังใจนี้ จึงขอถอนใบลาออก และขอยืนยันความตั้งใจดีที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อโรงพยาบาลสงฆ์และประชาชนต่อไป
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้พูดคุยกับ นพ.อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการ รพ.สงฆ์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตอนนี้เรื่องราวสงบลงแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยไปแล้ว แต่อาจจะยังไม่เข้าใจกัน และประจวบกับตนต้องเดินทางมาทำภารกิจที่ต่างประเทศ จึงเกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่ตนไม่อยู่
"จริงๆ ควรเป็นการพูดคุยแบบเปิดอก แต่อาจจะเป็นเพราะว่าการหาช่องทางการพูดคุยที่ผ่านมา ทั้งๆที่ได้เปิดโอกาสในที่ประชุมใหญ่ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้มีการนำเสนอในประเด็นนี้ แต่พอมีการยกประเด็นขึ้นมา ในช่วงที่ ผอ.ไม่อยู่ รอกลับไป โดยสัปดาห์น่าจะมีการเปิดโต๊ะกลมคุยกัน" นพ.อภิชัย กล่าว
ส่วนสาเหตุการระบุว่า การบริหารงานของผู้มีอำนาจในโรงพยาบาลสงฆ์ ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใสในการบริหารราชการ นพ.อภิชัย กล่าวว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนบางอย่างที่เกี่ยวกับการตรวจสอบรายละเอียดการดำเเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมา ทำให้เกิดความไม่สบายใจ จากการมองคนละมุมมองระหว่างฝ่ายกลุ่มอำนวยการ ที่มีภารกิจมุ่งจะพัฒนาโรงพยาบาลให้เกิดความเจริญ ให้พระหรือผู้ที่เข้ามารับบริการรู้สึกถึงความทันสมัย เพราะเวลาที่ผ่านมา รพ.ทรุดโทรมเสื่อมโทรมลงไปมาก ฝ่ายที่พัฒนาก็มีความตั้งใจที่จะทำอย่างดีและรวดเร็ว ส่วนฝ่ายทางการแพทย์ การพยาบาลที่มีภารกิจเกี่ยวกับด้านการดูแลผู้ป่วย ไม่ได้มุ่งเน้นด้านการพัฒนา เลยอาจจะไม่เข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง จึงทำให้มองว่าภารกิจหน้าที่บางอย่างมันซ้ำซ้อนกัน
"ยืนยันไม่มีประเด็นเรื่องส่อทุจริต แต่มีประเด็นบางอย่าง เช่น รายละเอียดไม่ครบ อาจจะต้องมองด้วยว่า เราควรที่จะใส่ใจในบางเรื่อง แต่กลับไปใส่ใจในบางเรื่องแทน" นพ.อภิชัยระบุ
นพ.อภิชัย กล่าวด้วยว่า ตลอดระเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา รพ.ได้พัฒนาค่อนข้างเยอะ ชี้วัดได้จากผู้ที่มาใช้บริการ ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าไม่มีเรื่องทุจริต เนื่องจากรายได้ของ รพ.มาจากการบริจาค ไม่ใช่การเก็บค่ารักษาพยาบาล เกรงว่าจะกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้บริจาคในอนาคต