คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 'เศรษฐ์ อัลยุฟรี' นายก อบจ. ปัตตานี กรณีนำรถส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปี 2560 และใช้รถส่วนกลางเป็นรถประจำตำแหน่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567 สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ข้อมูลกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 5 เสียง ชี้มูลความผิด นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ. ปัตตานี กรณีนำรถส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปี 2560 และใช้รถส่วนกลางเป็นรถประจำตำแหน่ง รายละเอียดดังนี้
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด
ในช่วงปีงบประมาณ 2560 นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ได้มีการเขียนใบขออนุญาตใช้รถส่วนกลาง แบบ 3 ฉบับลงวันที่ 29 กันยายน 2560 และอนุมัติให้ใช้รถยนต์ส่วนกลาง หมายเลขทะเบียน กข 6969 ปัตตานี เพื่อใช้ในราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี มีคนนั่ง – คน (ไม่ได้ระบุคนนั่ง) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เวลา 08.30 น. ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 เวลา 16.30 น. มอบหมายให้นายประดิษฐ์ มามะ พนักงานขับรถยนต์ เป็นผู้ขับรถยนต์ ระบุหมายเหตุ “ขอนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข 6969 ปัตตานี เก็บรักษาไว้ที่บ้านเลขที่ 352 หมู่ที่ 1 ตำบลยามู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เนื่องจากไม่มีสถานที่เก็บรักษารถยนต์ที่ปลอดภัย” ซึ่งบ้านดังกล่าวเป็นบ้านของนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ทั้งที่ในความเป็นจริงองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี มีสถานที่ในการเก็บรักษารถที่มีความปลอดภัย
ต่อมาในระหว่างวันที่ 23 - 30 ธันวาคม 2560 นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ได้มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยว pattani rally 2017 โดยเดินทางจากจังหวัดปัตตานี ไปยังจังหวัดราชบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งคณะเดินทางประกอบไปด้วยนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี และเครือญาติของนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ประมาณ 20 คน ในการเดินทางดังกล่าว นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี เป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางเองทั้งหมด มีการนำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ไปจำนวน 2 คัน คือ คันหมายเลขทะเบียน กข 5500 ปัตตานี และ กข 6969 ปัตตานี ในการเดินทางไปท่องเที่ยวดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับงานราชการแต่อย่างใด เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวในเรื่องส่วนตัว โดยนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี เป็นผู้อนุญาตให้ขับและให้ใช้รถดังกล่าว ในการเดินทางไปท่องเที่ยวปี 2560
ปกติไม่มีเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานีใช้รถทั้ง 2 คันดังกล่าว เนื่องจากรถทั้ง 2 คันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้สำหรับนายกฯ และรองนายกฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ เสมือนดังเช่นรถประจำตำแหน่ง เจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าที่จะขอใช้รถดังกล่าว กล่าวคือ นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี จะใช้รถคันหมายเลขทะเบียน กข 6969 ปัตตานี ได้มีการใช้มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2555 จนถึงปี พ.ศ. 2564 โดยนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ได้ใช้รถดังกล่าว ในการเดินทางมาทำงานทุกวัน รวมถึงในการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ
โดยรถคันดังกล่าวได้มีการจอดในช่วงเวลากลางคืน ที่บ้านพักส่วนตัวของนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ณ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ไม่ได้จอดที่โรงจอดรถขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี โดยนายประดิษฐ์ มามะ จะมาเป็นคนขับรถรับส่งนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ทุกวัน
ดังนั้น จากพฤติการณ์ดังกล่าวของนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ได้ทำบันทึกขอใช้รถและบันทึกขออนุญาตใช้รถส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ประจำปีงบประมาณ 2560 โดยเป็นการขอใช้ระยะเวลายาว 1 ปีงบประมาณ เป็นการใช้เสมือนรถประจำตำแหน่ง ไม่ได้ระบุรายละเอียดในการขอใช้สมบูรณ์ตามแบบที่กำหนด ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 11
อีกทั้งนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ยังมีพฤติการณ์การใช้รถส่วนกลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ในการเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคม 2560 โดยมิได้เกี่ยวข้องกับงานราชการ และเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวในเรื่องส่วนตัว โดยมีการอนุมัติ อนุญาตให้ใช้รถส่วนกลาง ตลอดจนอนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันอันเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่มีการกล่าวหาร้องเรียน
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในการประชุม ครั้งที่ 126/2566 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 5 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่าการกระทำของนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น
และฐานเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 ต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย
ทั้งนี้ การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด