เผยมติ ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา 'ศักดา ณรงค์' อดีตรองกก.ผู้จัดการ ธอส.ทุจริตต่อหน้าที่จนร่ำรวยมีเงินมากผิดปกติ 118 ล้าน รถหรูเพียบ หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายศักดา ณรงค์ หรือนายศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ หรือนายวชิรศักดิ์ หงษ์ชนินท์รัฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่ำรวยผิดปกติ
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า นายศักดา ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า ทุจริตต่อหน้าที่ โกงกินจนร่ำรวย มีเงินมากผิดปกติ ในช่วงปี 2538-2541 มีเงินหมุนเวียน 118.48 ล้านบาท (เฉพาะส่วนที่เปิดบัญชีกับธนาคารอาคารสงเคราะห์) และทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น รถยนต์แลนด์ครุยเซอร์ รถยนต์วอลโว่ รถยนต์เบนซ์ ว่าได้มาอย่างไร ทำไมเป็นผู้ใช้แต่ปกปิดใส่ชื่อคนอื่นแทน
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ทางไต่สวนได้ความว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงบัญชีธนาคารและที่ดินของนาง พ. หรือนาง ม. มีที่ดินจำนวน 14 แปลง คือ ที่ดินตั้งอยู่ที่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 4 แปลง ที่ดินตั้งอยู่ที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 8 แปลง ที่ดินที่ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 1 แปลง ที่ดินที่ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 แปลง บัญชีธนาคาร จำนวน 42 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 16 บัญชี บัญชีธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3 บัญชี บัญชีธนาคารกรุงไทย จำนวน 3 บัญชี บัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 9 บัญชี บัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 7 บัญชี บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 4 บัญชี
จากการไต่สวนไม่พบที่ดินและรายการธุรกรรมทางการเงินที่ร่ำรวยผิกดปกติแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังพบว่าภรรยาและบุตรของผู้ถูกกล่าวหาถือหุ้นในบริษัท จัดการสินทรัพย์และกฎหมาย จำกัด รวมกันทั้งสิ้น 10,073,700 หุ้น รวมมูลค่า 100,737,000 บาท ข้อความซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียนแล้ว รวม 3 รายการ คือ 1. มีมติพิเศษให้เพิ่มทุนของบริษัทขึ้นอีก หนึ่งร้อยยี่สิบแปดล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท (128,150,000) โดยการออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นสามัญจำนวน สิบสองล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นห้าพันหุ้น (12,815,000) มูลค่าหุ้นละสิบบาท (10) ฯลฯพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนอันได้แก่ สำเนาหนังสือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏข้อเท็จจริง ตามสำเนารายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม และ/หรือมติพิเศษ บริษัท จัดการสินทรัพย์และกฎหมาย ทะเบียนเลขที่ 10754500125 ซึ่งมีหนังสือฉบับลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 ถึงนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครว่าขอยืนยันว่าได้มีการชำระเงินค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว และเก็บรักษาเงินไว้ที่ นาง ด.
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนเชื่อได้ว่าบริษัท จัดการสินทรัพย์และกฎหมาย จำกัด ไม่ได้มีการเพิ่มทุนตามมติพิเศษจริง และภรรยาและบุตรของผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ซื้อหุ้นของบริษัทตามมติพิเศษให้เพิ่มทุนและไม่ได้ถือครองทรัพย์สินแทนผู้ถูกกล่าวหาตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
เงินฝากในบัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สำนักงานใหญ่, บัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์แรงใจไทย สำนักงานใหญ่, บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเภทบัญชีกระแสรายวัน สาขาราชเทวี และบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขาราชเทวี เป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทั้ง 2 บัญชี ได้แก่ 1.บัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สำนักงานใหญ่ รวม 773,613.50 บาท 2. บัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์แรงใจไทย สำนักงานใหญ่ รวม 4,426,964.21 บาท บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 บัญชี 1. บัญชีกระแสรายวัน สาขาราชเทวี 2. บัญชีประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขาราชเทวี
พิจารณาแล้วเห็นว่า แหล่งที่มาของเงินที่หมุนเวียนในบัญชีของนางอ.และผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย
1.รายได้ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2538-2542
2.เงินกู้จากธนาคารซิตี้แบงก์ จำนวน 7,900,00 บาท
3. เงินกู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 19,840,000 บาท
4. มรดกของนาย จ. จำนวน 5,800,000 บาท
5. สำนักงานณรงค์ธรรมทนายความ จำนวน 6,500,000 บาm
6. เงินจาการได้มาจากการโอนสิทธิ์ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินอำเภอหนองจอกกรุงเทพมหานคร จำนวน 4,500,000 บาท
7. รายได้จากการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เมษายน พ.ศ. 2538-เมษายน พ.ศ. 2549 เมื่อพิจารณาจากแหล่งที่มาของรายได้และฐานานุรูปของผู้ถูกกล่าวหาในช่วงที่ถูกกล่าวหาจะพบว่าผู้ถูกกล่าวหามีแหล่งที่มาของรายได้ที่ฝากเข้าบัญชีผู้ถูกกล่าวหาและภรรยาหลายด้าน เช่น จากการประกอบอาชีพที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฯลฯ เป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับที่ผู้ถูกกล่าวหาและภรรยามีรายได้ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งเป็นเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ ของผู้ถูกร้องและภรรยาเพื่อใช้หมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ
จึงเป็นกรณีที่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานสนับสนุน คำกล่าวหาให้รับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติตามที่ถูกกล่าวหา เห็นว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการประชุมครั้งที่ 28/2567 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 5 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ว่าจากการไต่สวนไม่ปรากฏ ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า นายศักดา ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหา
ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป