ป.ป.ช.ภาค 8 เผยมติชี้มูลอาญา-วินัย อดีตเจ้าพนง.ที่ดินจังหวัดภูเก็ต -พวก คดีกล่าวหาออกหนังสือรับรอง น.ส. 3 ก. เลขที่ 3977 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง อ. มิชอบ ส่งสำนวน อสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว เผยเป็นคนเดียวกับที่เซ็นอนุมัติ 'หาดยามู' ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 8 แถลงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดคดีกล่าวหา อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตสาขาถลาง กับพวก ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 3977 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยมิชอบ
โดยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 131/2566 เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2566 พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของ อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และกระทำรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1)(4) และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)(4)
การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1)(4) และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแ รง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)(4)
การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1)(4) และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดภูเก็ต เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1)(4) ประกอบมาตรา 86 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) แต่ความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 162 (1)(4) ประกอบมาตรา 86 ได้ขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความอาญา มาตรา 39 (6) ยุติการดำเนินอาญาในความผิดฐานนี้
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยาน หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีและเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 3977 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต แจ้งกรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนดังกล่าว ตามประมวลกกฎหมายที่ดินมาตรา 61
อย่างไรก็ดี ในการเปิดเผยผลชี้มูลคดีนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดแต่อย่างใด
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา เคยสืบค้นข้อมูลพบว่า นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ถูกสอบสวน คดีออก น.ส.3 ก.เลขที่ 3977 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บนเกาะนาคาน้อย โดยคณะกรรมการธุรกรรมในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2562 อายัดทรัพย์ ประกอบด้วย บัญชีเงินฝาก 10 รายการอยู่ในชื่อของ นายสิทธิชัย พรหมชาติ 2 บัญชี ,นายศุภกิตติ์ สุวรรณโฉม (ชื่อเดิม สมศักดิ์,พศิน) 4 บัญชี ,นายเจษฎ ท่อทิพย์ 1 บัญชี, นายสุทธิภัสส์ เรืองเดชอังกูร (ชื่อเดิม ‘สุรวัฒน์’ สกุลเดิม ‘เรืองเดช’) 1 บัญชี ,นายปรีดา สิทธิผล 1 บัญชี, น.ส.อุษา บางกรวย 1 บัญชี ที่ดิน 4 แปลง ในชื่อ นายศุภกิตติ์ สุวรรณโฉม (ชื่อเดิม สมศักดิ์,พศิน) น.ส.ก.ใน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 1 งาน 30 ตารางวาพร้อมสิ่งปลูกสร้าง อีก 3 แปลงอยู่ใน ต.เทพกษัตริย์ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต (ดูเอกสาร) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,131,102.18 บาท
คดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจาก ปปง.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2559 ที่ขอให้ ปปง.ดำเนินการ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันมีลักษณะเป็นการค้า กล่าวคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่ามีกลุ่มขบวนการ โดยนายสิทธิชัย พรหมชาติ กับพวกซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้แก่ กลุ่มเจ้าพนักงานที่ดิน กลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกลุ่มราษฎร ร่วมมือกันออกเอกสารสิทธิ์หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3977 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บนเกาะนาคาน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ ไม่มีการทำประโยชน์ อันมีลักษณะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) และ (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (อ่านประกอบ : ปปง.อายัดเงิน 10 บัญชี ที่ดิน 4 แปลง อดีต จนท.กับพวก ออก น.ส.3 ก. เกาะนาคาน้อย, จนท.มือออก น.ส.3 ก.17 ไร่ เดอะ พีคฯ มีประวัติถูก ปปง.อายัดทรัพย์คดีเกาะนาคาน้อย)
มีรายงานข่าวว่านายสิทธิชัย ถูกกรมที่ดินมีสั่งไล่ออกจากราชการด้วยพร้อมพวก 6 ราย โดยเจ้าของที่ดินเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ (อ้างอิงข่าว: https://www.komchadluek.net/news/hotclip/335798)
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า นายสิทธิชัย พรหมชาติ เป็นผู้ที่เซ็นออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. เลขที่ 3411 บริเวณแหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานในขณะนี้ด้วย
อย่างไรก็ การชี้มูลความผิดอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านประกอบ :