‘เศรษฐา’ เมิน ‘หม่อมอุ๋ย’ เตือนลดดอกเบี้ย อาจทำให้เงินทุนไหลออก เชื่อในข้อเสียก็มีข้อดี ก่อนตอบปมตั้ง ‘ทักษิณ’ เป็นที่ปรึกษา ยังไม่ถึงเวลา คุยแต่เรื่องสุขภาพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากการลงพื้นที่จ.ร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์ วานนี้ (2 มี.ค. 67) แล้วมีประชาชนชูป้ายฮักทักษิณ ควบคู่กับการทวงถามเรื่องเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาทนั้น นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่งในประเทศไทย ฉะนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนรัก จริงๆ แล้วมีการรักใคร ตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ประเทศชาติมีความรักมันก็ดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นที่ปรึกษา นายเศรษฐากล่าวว่า นายทักษิณยังไม่ได้แสดงเจตจำนงว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือเปล่าเลย อย่างสัปดาห์ที่แล้วได้เข้าไปหา ส่วนใหญ่ก็ยังโฟกัสเรื่องการรักษาตัวเองให้ดี เพราะท่านเองก็จากประเทศไทยมา 17-18 ปีใช่หรือไม่ คิดว่าคงอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหรือพี่น้องพรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทกัน และดูแลรักษาตัวเองให้ดี หลังจากนั้นแล้วค่อยว่ากันดีกว่า
“ผมโอเพ่น อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 มี.ค. 67) ได้พบกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเสนอแนะหลายๆ เรื่องมา ซึ่งผมได้ชี้แจงในหลายๆ เรื่อง ที่บางทีท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่บางเรื่องที่ท่านเสนอแนะมาตนก็น้อมรับไปปฏิบัติและสั่งการทีมงานไปเรียบร้อยแล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ขณะที่เรื่องเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท เข้าใจ เพราะทุกคนก็มีความประสงค์ และอันนี้เป็นจุดหนึ่งที่สะท้อน ส่วนตัวได้ยินแล้ว แต่หน่วยงานอื่นก็อยากให้ได้ยินด้วยเหมือนกัน ซึ่งตนเองกำลังคอยข้อมูลอยู่ และได้มีการตั้งคณะกรรมการไปเรียบร้อยแล้ว กำลังคอยข้อมูลจากหน่วยงานที่เราสอบถามไป ส่วนรายละเอียดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเป็นผู้แถลงเอง
เมื่อถามว่า คิดว่านายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะได้ยินเสียงประชาชนตะโกนตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ หากอยากทราบรายละเอียดอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวนายจุลพันธ์จะเป็นคนแถลง ซึ่งคนตระหนักดีถึงความต้องการอยู่แล้ว
@เมินหม่อมอุ๋ยเตือนลดดอก เงินไหลออก เชื่ออีกมุมก็มีข้อดี
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าธปท. ออกมาระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย จะมีผลทำให้เงินทุนไหลออกนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า มันก็มีทั้งบวกและลบหลายๆ อย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเองก็เป็นอดีตผู้ว่าธปท.มา และเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเศรษฐกิจมา พูดอะไรตนก็รับฟัง แต่ก็มีมุมมองหนึ่ง ถ้าเงินทุนไหลออกในปริมาณที่เหมาะสมของเงินทุนไหลออก ก็ทำให้บาทอ่อน แล้วบาทอ่อนส่งออกดีหรือไม่ เราพึ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี บาทอ่อนคนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะขึ้นหรือไม่ ก็น่าจะเยอะขึ้น ใช่หรือไม่ ก็ดี 1 ดอลลาร์ของเขากลายเป็น 36-37 บาท เขาก็มีเงินเยอะขึ้นในกระเป๋ามาจับจ่ายใช้สอย ซื้อผลิตภัณฑ์จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น ไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งดี มันก็มีหลายมุมมอง เพราะจริงๆ แล้วเศรษฐศาสตร์ก็เป็นศาสตร์อันหนึ่งซึ่งมีความหลากหลาย มันไม่ใช่ตัวเลข 1+1 เป็น 2 ซึ่งก็รับฟังท่าน
อ่านประกอบ