รองอสส. ปริศนา เข้าแจ้งความ สน.วังทองหลางเป็นหลักฐาน หลังถูกอัยการหญิงกล่าวหาลวนลาม ปฏิเสธไม่เป็นความจริงทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คาดเจ้าตัวไม่พอใจถูกโยกย้าย อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ลั่นหากพบมีผู้กระทำความผิดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
จากกรณีปรากฎข่าวพนักงานอัยการหญิง เข้าเเจ้งความต่อ สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จังหวัดภูเก็ต ถูกรองอัยการสูงสุดรายหนึ่งลวนลาม ขณะที่ทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2567 ว่า เพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้จากสื่อมวลชน แต่ยังไม่ได้รับรายงานจากผู้เสียหาย ต้องมีการตรวจสอบก่อนว่า รองอัยการสูงสุดคนดังกล่าวเป็นใคร
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า ในช่วงเย็นวันที่ 27 ก.พ.2567 รองอัยการสูงสุดที่ถูกพนักงานอัยการหญิงกล่าวอ้างว่าลวนลาม ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ต่อ สน.วังทองหลาง ปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และทำให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากการที่พนักงานอัยการหญิงรายนี้ไม่พอใจถูกโยกย้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลหากพบว่ามีผู้กระทำความผิดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
ทั้งนี้ ในการเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ดังกล่าว รองอัยการสูงสุดรายนี้ ระบุว่า ตามที่ได้ปรากฎทางสื่อสารมวลชนต่างๆ ว่า ได้มีการนำรายงานประจำวันของพนักงานอัยการหญิงท่านหนึ่ง ออกเผยแพร่ทางสื่อมวลชน โดยมีข้อเท็จจริงว่าผู้แจ้งตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านโฮคิชเช่นซีฟู้ด สาขาเหม่งจ๋าย ถนนประชาอุทิศ
ขณะอยู่ในร้าน ผู้แจ้ง เดินเข้าไปโอบกอดที่ร่างกายของพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น โดยไม่ได้รับความยินยอม หลังจากนั้นผู้แจ้งได้ชวนพนักงานอัยการหญิงท่านนั้นขึ้นไปนั่งบนรถของผู้แจ้งแล้ว ผู้แจ้งได้เอื้อมมือมาโอบกอดพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของพนักงานอัยการหญิงท่านนั้น แล้วบอกว่า ขอหอมแก้มหน่อย แต่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้นไม่ยินยอม จึงใช้มือปัดออกแล้วปฏิเสธไม่ให้ทำ และเป็นเหตุให้ผู้แจ้งไม่พอใจ และไล่ลงจากรถ รายละเอียด ปรากฏตามสำเนารายงานประจำวันลงวันที่ 23 ก.พ. 2567 เวลา 15.36 น. ลำดับ 3 ของ สภ.ท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต
ผู้แจ้งขอยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นที่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้น แจ้งแก่พนักงานสอบสวนไม่เป็นความจริงแต่ประการใด โดยผู้แจ้งขอยืนยันว่า ผู้แจ้งมิได้กระทำการกอดหรือหอมแก้มหรือกระทำการอนาจารใดล่วงเกินแก่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้นตามที่ระบุไว้ดังกล่าวทั้งสิ้น
การที่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้นแจ้งข้อความดังกล่าวข้างต้น และต่อมามีการเผยแพร่ต่อสื่อสารมวลชน ทำให้ผู้แจ้งเสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง เพราะผู้แจ้งดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการอัยการระดับสูง ตำแหน่งรองอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ ผู้แจ้งคาดว่าเหตุการณ์การแจ้งข้อความดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่พนักงานอัยการหญิงท่านนั้นไม่ใด้รับการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปตามความประสงค์ของตนเอง
ในวันนี้ ผู้แจ้ง มาแจ้งข้อความไว้เป็นหลักฐาน และขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
อนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในระหว่างการแถลงข่าวของทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและอยู่ในองค์กรที่รักษาความยุติธรรมด้วยในที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มีการนำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาหรือไม่
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน