โฆษก อสส.รับเพิ่งรู้ข่าวจากสื่อ ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงปมอัยการหญิงถูกรอง อสส.ลวนลาม หลังขัดขืน ถูกกลั่นแกล้งย้ายไม่ธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีปรากฎเป็นข่าวว่ามีการเเจ้งความรองอัยการสูงสุดลวนลามอัยการหญิง ว่าเรื่องนี้ตอนนี้เราทราบจากรายการข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน โดยทราบเพียงว่าผู้ถูกกล่าวหาคือรองอัยการสูงสุด แต่ไม่ได้กำหนดชื่อ ไม่บอกว่าเป็นใคร อีกทั้งทางสำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้รับรายงานจากผู้เสียหาย จึงต้องตรวจสอบก่อนว่า รองอัยการสูงสุดคนดังกล่าวเป็นใคร
ส่วนประเด็นผู้ถูกกล่าวหามีอำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้ง เเปลว่าเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอัยการใช่หรือไม่ นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ตามกระแสข่าวเป็นเช่นนั้น ต้องตรวจสอบว่ารองอัยการสูงสุดเป็นใคร ใช่รองอัยการสูงสุดจริงหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าเราเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม โดยปกติการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายก็ทำตามรูปแบบของอนุกรรมการ และคณะกรรมการ ก.อ.ชุดใหญ่พิจารณาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและอยู่ในองค์กรที่รักษาความยุติธรรมด้วยในที่ประชุม กอ. มีการนำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาหรือไม่ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ที่ สภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง มีหญิงสาวอายุ 37 ปี ซึ่งรับราชการเป็นข้าราชการอัยการระดับรองอัยการจังหวัด ได้เข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. ตนเเละข้าราชการอัยการระดับรองสูงท่านหนึ่งได้ทานอาหารที่ร้านอาหาร โฮคิทเช่น ซีฟู้ด สาขาเหม่งจ๋าย ถนนประชาอุทิศ-เหม่งจ๋าย เขตวังทองหลาง แขวงวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
ต่อมาข้าราชการอัยการระดับสูงคนดังกล่าวได้เดินเข้ากอดที่ร่างกาย ของผู้แจ้งโดยไม่ใด้รับความยินยอม จากนั้นข้าราชการอัยการระดับสูงผู้นั้น พยายามซักชวนให้ผู้แจ้งดื่มไวน์ที่เตรียมมา และชักชวนให้ไปที่บ้านของข้าราชอัยการระดับสูงคนนั้น ซึ่งอยู่ที่บริเวณซอยรามคำแหง เพื่อให้ไปดูว่าบ้านที่สร้างใหม่มีสภาพอย่างไร ซึ่งผู้แจ้งได้บ่ายเบี่ยงและปฏิเสธเรื่อยมา
กระทั่งเวลาประมาณ 20.40 น. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ คนผู้นั้นยืนกรานให้ผู้เเจ้งความไปเยี่ยมชมบ้าน โดยให้นั่งโดยสารรถไปด้วยกัน ด้วยความที่บุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงในองค์กร ตนจึงไม่อาจ ปฏิเสธได้ จึงยอมขึ้นรถไป ปรากฎว่าเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว ข้าราชการอัยการระดับสูงคนดังกล่าวได้เอื้อมมือมาโอบกอดผู้แจ้งพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของผู้แจ้ง แล้วบอกว่า ขอหอมแก้มหน่อย ผู้แจ้งไม่ยินยอมจึงใช้มือปัดออก แล้วบอกปฏิเสธไมให้ทำ เป็นเหตุให้บุคคลดังกล่าวไม่พอใจ และไล่ตนให้ลงจากรถในทันที เมื่อลงจากรถ อัยการระดับสูงจึงขับรถออกจากร้านไปในทันที
จากกรณีดังกล่าวทำให้ข้าราชการอัยการระดับสูงคนดังกล่าวไม่พอใจ จึงอภิปรายในที่ประชุมกล่าวหาว่าผู้เเจ้งความมีประวัติเรียกรับเงิน ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะไม่เคยมีประวัติและผู้บังคับบัญชาที่จังหวัดที่ประจำอยู่ยืนยันได้หลายคนทำให้ตำเเหน่งไปลงที่สำนักงานคดียาเสพติดไม่ได้ลงสำนักงานอัยการจังหวัดเเห่งหนึ่งตามร้องขอหรือกระทั่งที่เดิมที่เคยอยู่ ซึ่งคิวลำดับถัดไป 1 คนคิวหลังกลับได้พิจารณาสำนักงานอัยการที่อัยการหญิงที่ถูกลวนลามไปแทน เป็นการจงใจแกล้งเพื่อให้เห็นชัดเจน