โฆษก อสส.เผย 10 เม.ย.นัด 'ทักษิณ' ฟังคำสั่งฟ้องคดี 112 หรือไม่ แจงเหตุยังไม่มีคำสั่งฟ้องตอนนี้เพราะ อสส.มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ด้านอธิบดีอัยการฯคดีอาญายืนยัน 'ทักษิณ' สภาพป่วยหนักจริง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงายว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวการดำเนินการของอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ต่อคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยวันนี้ (19 ก.พ.) อัยการสูงสุดยังไม่มีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 ในคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้การสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความเนื่องจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายทักษิณลงวันที่ 6 ก.พ.แล้ว และในวันที่ 10 เม.ย.จะมีการนัดนายทักษิณซึ่งยื่นหลักประกันตัว 5 แสนบาทจนอัยการเห็นชอบให้ปล่อยตัวชั่วคราวให้มาพบกับพนักงานอัยการอีกครั้งหนึ่งในเวลา 9.00 น.เพื่อฟังคำสั่งว่าอัยการจะฟ้องคดี 112 หรือไม่
นายประยุทธกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีนี้ ได้รับการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์ในคดีอาญาเรื่องอื่นเนื่องจากได้รับการพักการลงโทษ ซึ่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามหนังสืออายัดตัว ลงวันที่ 28 ส.ค. 2566 และพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราวในวันเดียวกัน ต่อมาในวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาส่งให้กับพนักงานอัยการ แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความเนื่องจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว อัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจลงความเห็นและมีคำสั่งทางคดีได้ในขณะนี้
"อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้เป็น ผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีหลักประกันและนัดให้มาพบพนักงานอัยการในวันที่ 10 เม.ย. 2567 เวลา 9.00 น.ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุดเเห่งนี้" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว
ทางด้านของนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหลักประกันที่นายทักษิณใช้ในการประกันตัว เป็นหลักทรัพย์ในสมุดบัญชีที่ได้รับการรับรองจากธนาคารมีเงินจำนวน 500,000 บาท ซึ่งทางอัยการจะอายัดบัญชีดังกล่าวไว้ส่วนเมื่อถามว่ามีเงื่อนไขในการปล่อยตัวหรือไม่ทางนายปรีชาบอกว่าสำหรับอัยการไม่มีเงื่อนไข แต่เงื่อนไขทางกรมคุมประพฤติ ที่กำหนดนั้นตนไม่สามารถตอบได้ว่านายทักษิณจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างพักโทษ
นายปรีชา ยังเล่าถึงบรรยากาศขณะที่รับตัวนายทักษิณ บอกว่า หลังจากที่ตำรวจนำตัวมาส่ง ตนเองต้องมีการพูดคุยกับนายทักษิณ ซึ่งจากสภาพที่ตนเห็นมองว่า นายทักษิณมีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะต้องนั่งรถวีลแชร์มา เพราะเดินไม่ไหว และจากการที่ได้พูดคุย นายปรีชา บอกว่านายทักษิณไม่มีเสียงพูด ดูท่าทางมีการป่วยหนัก และมีการสวมที่ดามคอมา
ส่วนเมื่อถามว่าตัวของนางสาวแพรทองทาน บุตรสาวได้เดินทางมาด้วยหรือไม่
นายปรีชาบอกว่านายทักษิณเดินทางมากับคนสนิทเพียงลูกสาวไม่ได้เดินทางมาด้วยและเมื่อถามว่านายคืออุ๋งอิ๋งหรือไม่นายปรีชาตอบว่าไม่ใช่และตนไม่รู้ว่านายประกันคือใครตนอยู่เพียงคุณสมบัติของนายประกันว่าเข้าข่ายเท่านั้นแต่ไม่รู้ว่าคือใคร โดยขั้นตอนการเซ็น รายงานตัวและเข้าพบอัยการใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่นายทักษิณจะกลับ
นายปรีชา กล่าวว่า วันที่ 10 เม.ย. เป็นการนัดฟังผลคำสั่งทางคดีว่าจะมีคำสั่งว่าอย่างไร ถ้าผลสอบเพิ่มกลับมาทางอัยการสูงสุดก็จะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องหรือถ้าผลสอบเพิ่มยังไม่เเล้วเสร็จทางอัยการสำนักงานคดีอาญาก็อาจจะต้องเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไป ซึ่งจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณทราบในวันนั้น
ในส่วนเรื่องการสอบสวนเพิ่มเติมคือจะมีอัยการจากสำนักงานการสอบสวนไปร่วมสอบด้วย ซึ่งเป็นการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหากผลสอบสวนเพิ่มมาก็จะต้องส่งอัยการสูงสุดพิจารณาทางอัยการสำนักงานคดีอาญาไม่ต้องเเนบความเห็นส่งไป คำสั่งอัยการสูงสุดถือเป็นเด็ดขาด
ขณะที่นายประยุทธ กล่าวเพิ่มเติม ในประเด็นดังกล่าวอีกว่า สำนวนเดิมที่มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องเป็นคำสั่งแรกตั้งแต่นายทักษิณยังไม่กลับเข้าประเทศไทย แต่เมื่อนายทักษิณ กลับเข้าประเทศไทยและ มีการแจ้งข้อกล่าวหากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.รวมถึงมีการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ทำให้ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนสำนวนใหม่ จึงทำให้วันที่ 10 เม.ย.นี้ ตัวนายทักษิณจะต้องมารับฟังคำสั่งด้วยตนเอง ว่าทางอัยการจะเห็นสมควรสั่งฟ้องทางคดีหรือไม่ โดยคำสั่งจะแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง 1.สั่งฟ้อง 2.ไม่สั่งฟ้อง 3.เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ถ้าหากสำนวนที่สอบเพิ่มเติมนั้นยังไม่ครบถ้วน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณทราบ
"คดีนี้ถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหากวันที่ 10 เม.ย.หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องจะต้องนำตัวนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการศาลทันที แต่หากมีคำสั่ง ไม่ฟ้องคดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดในชั้นของอัยการไม่ต้องส่งสำนวนไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้พิจารณาเหมือนกับคดีอื่นๆเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวนและพิจารณาเด็ดขาด" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว
และเมื่อถามถึงหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณร้องมามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง มี10ประเด็นที่ขอให้สอบเพิ่มเติม อสส.อนุญาตทุกประเด็นหรือไม่
นายประยุทธกล่าวว่าไม่สามารถลงรายละเอียดได้
เมื่อถามต่อถึงข้อกล่าวหาจากสังคมสำหรับตัวนายทักษิณว่ามีการให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกทางด้านคดีให้หรือไม่
นายประยุทธกล่าวว่าคดีนี้มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่อัยการสูงสุดจึงขอให้ไปดูประวัติการทำงานของอัยการสูงสุดว่ามีชื่อเสียงด้านความยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์ เเละมีทิศทางการทำงานตามกฎหมายและขอให้สังคมมั่นใจในการพิจารณาของอัยการสูงสุด แม้ว่าคดีดังกล่าวจะมีผู้ต้องหาเป็นบุคคลสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ