เริ่มแล้ว! ศาลปค.กลาง ไต่สวนคดี 'วีระ สมความคิด' ฟ้อง 'ป.ป.ช.' ละเลยต่อหน้าที่ไม่เปิดเผยเอกสารสอบสวนคดี 'นาฬิกาหรู-แหวน' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สั่งส่งเอกสารรายงานประชุมต่อศาลภายใน 7 มี.ค.2567 นี้ หลังตัวแทนตอบคำถามไม่ได้ ต้องให้กลับไปหาหลักฐานมาเพิ่ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2567 ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน ในคดีหมายเลขดำที่ 2605/2562 หมายเลขแดงที่ 1326/2564 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด (ผู้ฟ้องคดี) กับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (นัดไต่สวนในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการเปิดเผยข้อมูลสอบคดี นาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี)
ทั้งนี้ ในระหว่างการไต่สวนคดี นายวีระ และตัวแทนจาก ป.ป.ช. ได้ยื่นเอกสารประกอบการไต่สวน ศาลรับไว้เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาคดี ขณะที่ศาลฯ ได้แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองยื่นเอกสารเกี่ยวกับรายงานการประชุมของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องที่พิพาทต่อศาล ภายในวันที่ 7 มี.ค.2567 นี้
หลังการไต่สวน นายวีระ สมความคิด เปิดเผยว่า คดีนี้ยังไม่ได้ความเป็นธรรม เพราะหลังจากศาลมีคำพิพากษาตั้งแต่ 16 มี.ค. 2566 ซึ่งในคำพิพากษา บอกว่า ให้ผู้ที่ถูกฟ้องคดีทั้งสอง คือ สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องให้เอกสารตามคำวินิจฉัยของสำนักงานข้อมูลข่าวสารของราชการ สาขาสังคมที่ 333/2562 ที่มีคำวินิจฉัยตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2562 ทั้ง 3 รายการ และต้องให้ภายใน 15 วัน แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้เลย
" ผมได้ทำหนังสือถึงศาลฯ ขอให้บังคับคดีเป็นครั้งที่ 2 จึงนำมาซึ่งศาลปกครองนัดคู่กรณีมาทำการไต่สวน ซึ่งไม่ค่อยปรากฎที่มานัดไต่สวนหลังจากที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และวันนี้ศาลยังไม่มีคำสั่ง เพราะศาลต้องรอให้ ป.ป.ช.ส่งเอกสารและหาหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจาก ตัวแทนของ ป.ป.ช. ตอบคำถามศาลไม่ได้ ศาลก็ไม่สามารถที่จะสรุป จนต้องให้ตัวแทนของ ป.ป.ช.กลับไปหาหลักฐาน และตอบคำถามแจ้งมายังศาลภายใน 20 วัน ตรงกับวันที่ 7 มี.ค. 2567 หลังจากนั้นศาลถึงจะประชุมองค์คณะอีกครั้ง เพื่อมีคำสั่งว่า ถ้าศาลเชื่อว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ยังไม่ให้เอกสารจริง ศาลก็จะมีคำบังคับไปให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองอีกครั้ง และถ้ายังไม่ให้ภายในกำหนดตามที่ศาลสั่ง ก็ถึงจะบังคับคดี แต่ถ้าศาลเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีทัังสอง ให้เอกสารถูกต้องครบถ้วน ทั้งสามรายการแล้ว ศาลก็จะยกคำร้องไป ทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงว่ายังไปไม่ถึงไหนเลย ยังบังคับคดีไม่ได้"
นายวีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในเมื่อกระบวนการเป็นอย่างนี้ จำเป็นต้องรอทางศาลปกครองว่าจะมีคำสั่งหรือ คำวินิจฉัยอย่างไร
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนี้นายวีระ ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย มีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กรณีการกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด 2.ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว และ 3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพิกเฉย
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 333/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีคำวินิจฉัยที่ สค 333/2562 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการตามคำขอของผู้ฟ้องคดี คำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามคำขอให้แก่ผู้ฟ้องคดี เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ จึงนำคดีมาฟ้อง