'วันชัย บุนนาค' ทนายความอิสระ ลุยยื่น ป.ป.ช.ขอแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน การใช้ดุลยพินิจ 'สิงห์ชัย ทนินซ้อน' อดีตอสส.กับพวกสั่งไม่ฟ้องคดี บ.ซี.พี.เค รุกป่าภูเรือ 6,200 ไร่ ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เผยปัจจุบันเอกชนยังไม่ยอมคืนพื้นที่ หลังศาลปกครองมีคำพิพากษาตั้งแต่ปี 52 ชี้เจตนาบุกรุกครอบครองแสวงหาประโยชน์จากป่าไม้ ทำสงสัยเหตุใดชั้นพิจารณาพนักงานอัยการไม่ให้ความสำคัญส่วนนี้ ระบุเป็นคนละประเด็นกรณี เจ้าตัวฟ้อง 'นารี-ศักดา' ผิด 157 สั่งสอบเสนอลงโทษวินัยร้ายแรง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 นายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ ได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ดำเนินการสอบสวนกรณี นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดกับพวก บุกรุกป่าภูเรือ จังหวัดเลย จำนวน 6,200 ไร่ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ขณะที่ปัจจุบันฝ่ายเอกชนยังไม่ยอมคืนพื้นที่ หลังศาลปกครองมีคำพิพากษา บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ไม่มีสิทธิฟ้องคดีเรียกให้อธิบดีกรมที่ดินและปลัดกระทรวงมหาดไทยชดใช้ค่าเสียหาย ตั้งแต่ปี 2552 ชี้ให้เห็นเจตนาบุกรุกครอบครองแสวงหาประโยชน์จากป่าไม้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดในชั้นพิจารณาพนักงานอัยการจึงไม่ให้ความสำคัญส่วนนี้ ซึ่งการสอบสอนเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจในการตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาดำเนินการได้
โดยนายวันชัย บุนนาค ระบุในเอกสารยื่นต่อ ป.ป.ช.ว่า เหตุที่นำคดีนี้มาร้องต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะว่า เป็นการเข้าครอบครองเข้าแสวงหาประโยชน์ในที่ดินป่าอันเป็นทรัพยากรของชาติเป็นต้นน้ำลำธารสำคัญมานานกว่า 15 ปี โดยไม่ส่งมอบที่ดินคืนให้แก่รัฐ ทั้งที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 2546 และบริษัทดังกล่าวนำคดีไปฟ้องศาลปกครอง และศาลปกครองพิพากษาว่า บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ไม่มีสิทธิฟ้องคดีเรียกให้อธิบดีกรมที่ดินและปลัดกระทรวงมหาดไทยชดใช้ค่าเสียหาย คดีของศาลปกครองถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ปี 2552
ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวก็ไม่ยอมส่งมอบที่ดินป่าไม้ดังกล่าวคืนแก่รัฐยังคงครองครองเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ครั้นสำนวนคดีอาญาเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย มีข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งและควรได้รับการพิจารณาว่า ใครเกี่ยวข้องในการรวบรวมที่ดินดังกล่าวเพื่อนำไปออกเอกสารสิทธิ์หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์และบุคคลเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่ แต่กลับไม่ได้ขยายผลให้สิ้นกระแสความในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการ
เมื่อปรากฏว่ามีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และคดีในศาลปกครองถึงที่สุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2552 แต่บริษัทซี.พี.เคอินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด กับพวก ซึ่งทราบดีแล้วว่าบริเวณที่ดินดังกล่าวเป็นป่าไม้ ก็ยังคงมีเจตนาบุกรุกครอบครองแสวงหาประโยชน์จากป่าไม้ เป็นที่สงสัยว่าเหตุใดในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการจึงมิได้ให้ความสำคัญในส่วนนี้
จึงควรนำเสนอต่อคณะกรรมการ ป. ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับเอกสารประกอบการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบสวนคดีนี้นั้น มีการระบุเนื้อหาว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าสื่อมวลชนหลายฉบับ ว่าเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อดีตอัยการสูงสุด และนายศักดา ช่วงรังษี รองอัยการสูงสุด ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลอาญาคดี ทุจริต โดยสรุปในฟ้องกล่าวหาว่า นางสาวนารี ได้ออกคําสั่ง แต่งตั้งนายศักดาเป็นหัวหน้า คณะทํางานสอบข้อเท็จจริง กรณีนายสิงห์ชัยใช้อํานาจสั่งชี้ขาดคดีความเห็นแย้ง ในคดีที่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวหาบริษัทซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนลจํากัด กับพวก บุกรุกยึดถือ ครอบครอง ป่าไม้ภูเรือจังหวัดเลยจํานวน6000ไร่เศษโดยมิชอบ ทั้งนี้นายสิงห์ชัยเห็นว่า ตนเอง เป็นอัยการสูงสุดได้ใช้อํานาจในฐานะอัยการสูงสุดสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งในเรื่องนี้ ตามที่ กฎหมายให้บัญญัติให้อํานาจไปแล้ว ดังนั้น นางสาวนารี ฯจึงไม่มีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใด มาสอบสวนในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้ได้อีก ซึ่งเมื่อ นายศักดา รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติตาม คําสั่งนางสาวนารีจึงมีความผิดไปด้วยเช่นกัน
" ข้าพเจ้า (นายวันชัย)เห็นว่า องค์กรอัยการเป็นองค์กรเสาหลักเสาหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม หากเสา หลักเสานี้สั่นคลอนไม่มั่นคง ย่อมทําให้เสาหลักอื่น ๆในกระบวนการยุติธรรม หวั่นไหวและไม่ มั่นคงไปด้วย จึงขอให้ ประธาน ป.ป.ช.ได้โปรดแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนว่าการสั่งคดีในเรื่อง นี้ของอดีตอัยการสูงสุด นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน กับพวก อัยการอื่นในสํานักงานคดีพิเศษ มีการสั่ง คดีนี้ที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
กล่าวคือ หากการใช้ดุลพินิจสั่งคดี ของพนักงาน อัยการ ไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม และ ไม่มีเหตุผลประกอบอันสมควร ก็ย่อมจะ ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 248 และพรบ องค์กรอัยการ และพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21 และ 22 บัญญัติคุ้มครองดุลพินิจอิสระ ไว้ แต่อย่างใด
อนึ่ง ประเด็นที่ข้าพเจ้าขอให้ท่านทําให้ความจริงเป็นปรากฏโดยการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อไต่สวนในเรื่องนี้ นั้น เป็นประเด็นขอให้ท่านพิสูจน์ ความจริงว่าการใช้ดุลพินิจสั่งคดีของนาย สิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด กับพวกอัยการอื่นๆนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่และใช้ดุลพินิจตาม ระเบียบฯการสั่งคดีของอัยการ และถูกต้องตามกฎหมายพ.ร.บ.องค์กรอัยการ และตามรัฐธรรมนูญ แล้ว อันจะได้รับการคุ้มครอง การใช้ดุลพินิจโดยอิสระแล้ว หรือไม่ อย่างไรหลายคดี โดยเฉพาะ ในเรื่องที่ สั่งไม่ฟ้องคดีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่า บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด กับพวก บุกรุกป่าในท้องที่อําเภอภูเรือ และอําเภอด่านซ้าย รวมประมาณ 6,200 กว่าไร่
ทั้งๆที่ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ที่ดินดังกล่าวถูกอธิบดีกรมที่ดินมีคําสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน์ ลง วันที่ 27 ตุลาคม 2546 และบริษัทดังกล่าวนําคดีไปฟ้องศาลปกครอง และศาลปกครองพิพากษา ว่า บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด ไม่มีสิทธิฟ้องคดีเรียกให้อธิบดีกรมที่ดินและ ปลัดกระทรวงมหาดไทยชดใช้ค่าเสียหาย คดีของศาลปกครองถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ปี 2552 แต่ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด กับพวกก็ยังคงครอบครองที่ดินอันเป็นพื้นที่ป่า ไม่ส่ง มอบคืนรัฐทั้งๆที่ได้ถูกกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารหนังสือรับรองการทําประโยชน์แล้ว คดีถึงที่สุดแล้ว เป็นกรณีทําความเสียหายต่อรัฐเป็นอย่างมาก
ประเด็นนี้จะแตกต่างจากประเด็นที่นายสิงห์ชัยฟ้องนางสาวนารีและนายศักดา ฯ ต่อศาล กล่าวหาว่านางสาวนารีไม่มีอํานาจ หน้าที่ตามกฎหมายในการตั้งคณะ ทํางานเพื่อสอบ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นเพื่อมาสอบสวน นายสิงห์ชัย โดยไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อํานาจไว้ จึงเห็น ได้ว่ามูลความแห่งคดีมีความแตกต่างกัน ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอํานาจไต่สวนในประเด็น ที่ข้าพเจ้าร้องขอเรื่องนี้ได้
เมื่อปรากฏว่ามีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน์และคดีในศาลปกครองถึงที่สุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2552 แต่บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนลจํากัด กับพวกซึ่งทราบดีแล้วว่าบริเวณที่ดิน ดังกล่าวเป็นป่าไม้ ก็ยังคงมีเจตนาบุกรุกครอบครองแสวงหาประโยชน์จากป่าไม้ เป็นที่สงสัยว่าเหตุใดในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการจึงมิได้ให้ความสําคัญในส่วนนี้จึงควรนําเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป" เอกสารร้องเรียนระบุ
- 'สิงห์ชัย' อดีต อสส.ยื่นฟ้อง 'นารี-ศักดา' ผิด157 สั่งสอบ-เสนอลงโทษวินัยคดีรุกป่า 6 พันไร่
- มีมูลหรือไม่! ศาลฯ นัดฟังคำสั่งคดีฟ้อง 'นารี-ศักดา' ผิด 157 สอบ 'สิงห์ชัย' 25 มี.ค.นี้