'จรูญเกียรติ' เข้าพบ ธนกฤต ผู้ช่วย รมต. หลังพบเคบตกเป็นเหยื่อกลุ่มรีดทรัพย์แลกยุติเรื่องร้องเรียน ด้าน'แรมโบ้อีสาน' เผย ถูก 'นาย อ.' กรรโชกทรัพย์ หลายครั้งตั้งแต่ปี 65-66 รวมมูลค่าหลายแสนบาท ยืนยันมีหลักฐานรวมถึงคลิปเสียง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้เรียกประชุมคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยตำรวจจาก บก.ปปป. ตำรวจกองบังคับการปราบปราม และตำรวจจากบก.ปอท. มาประชุมคณะทำงานชุดใหญ่เพื่อเป็นการเปิดเริ่มการทำงานในรูปแบบองค์คณะ โดยเนื้อหาจะเน้นหนักไปที่ความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนที่บก.ปปป. ได้เริ่มดำเนินการไว้ ข้อมูลการสอบปากคำ ข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆที่สามารถเก็บรวบรวมได้จากส่วนต่างๆ และรายละเอียดอื่นๆในคดีรวมถึงการขยายผลไปยังกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คณะทำงานทั้งหมดทราบความคืบหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถทำงานสืบสวนสอบสวนกันได้อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า จากนั้นจะแบ่งหน้าที่การทำงานของแต่ละส่วนว่าจะมอบหมายการทำงานในส่วนใดให้บ้าง ซึ่งในเบื้องต้นแม่งานยังคงเป็นบก.ปปป.ที่เริ่มเปิดคดีมาก่อนหน้านี้ ส่วนกองบังคับการปราบปรามจะดูหน้างานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนทำสำนวนคดีช่วยเหลือสนับสนุนงานของบก.ปปป.ให้ดำเนินการได้ทันตามกำหนดส่งสำนวนให้อัยการภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนทาง บก.ปอท. จะรับผิดชอบในส่วนของเรื่องการตรวจพิสูจน์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มผู้ต้องหาพยานส่วนที่เกี่ยวข้อง และดึงข้อมูลต่างๆออกมาให้ชุดสืบสวนสอบสวนใช้ดำเนินการต่อ
“นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องการเปิดคดีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3-4 คนซึ่งไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับกระทรวงต่างๆซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมีความประสงค์จะเข้าแจ้งความแล้วหลายคน โดยจะพิจารณาว่าคดีสามารถดำเนินการได้หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหา และจะแยกเป็นคดีใหม่ต่างกรรมต่างวาระไป เชื่อว่าวันนี้อาจใช้เวลาในการประชุมค่อนข้างนานมากกว่า 1-2 ชั่วโมง
ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้เดินทางไป ที่ อาคารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าพูดคุยกับนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใต้บังคับบัญชาของรองนายกรัฐมนตรีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลในโลกโซเชียลว่าเมื่อเดือนก.ค. ปี 2565 ในช่วงที่นายธนกฤต ดำรงตำแหน่งเลขานุการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถูกกลุ่มบุคคลเข้าไปพูดคุยและร้องเรียนเพื่อหวังจะตบทรัพย์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ได้รับการประสานมาจาก นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ว่า อยากจะช่วยเหลือในการทำงานคดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวของตำรวจบก.ปปป. ในประเด็นการขยายผลวงนักร้อง ซึ่งจากการพูดคุยเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และตรงต่อข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับทางป.ป.ช เพื่อดำเนินการต่อ
ส่วนหน่วยงานราชการที่ถูกรังแก หรือ ประสบเจอปัญหาอย่างกรณีการเรียกทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวและไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เพื่อที่จะกำจัดเหลือบไรคือ ต้องร่วมมือกับตำรวจ โดย นายกองตรี ดร. ธนกฤต มองเห็นในความไม่ยุติธรรมในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้ข้อมูลการขยายผลในคดี ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องเชิญ นายกองตรี ดร. ธนกฤต ไปสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานอย่างเป็นทางการในภายหลัง
นอกจากนี้ นายกองตรี ดร. ธนกฤต กล่าวว่า การร้องเรียนเรื่องต่างๆที่หน้าศูนย์ร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล หลังจากนี้ต้องฝากไปถึงวงการนักร้อง ต้องพิจารณาให้รอบคอบและมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการเข้ามาร้องเรียนที่แห่งนี้ ซึ่งตนได้ประสบด้วยตนเองมีข้อมูลและไทม์ไลน์ที่ชัดเจน วันนี้จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปปป. ที่เหลือคงเป็นการให้ข้อมูลช่วยเหลือในด้านคดีกับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้หวังว่าจะมีมาตรการหรือข้อกฎหมายในการร้องเรียนเรื่องต่างๆเข้ามาควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนักร้องศรีสุวรรณอีก และไม่ให้เป็นการร้องเรียนกันไปมาโดยไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนกับนักร้องทั้งหลาย และเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีของนายกองตรี ดร. ธนกฤต นั้น เป็นกรณีของโครงการประมูลสัมปทานกำไร EM ของกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปี 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าวว่าอาจมีการทุจริต แต่หลังจากนั้นพบว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2565 นายเจ๋งได้เดินทางเข้าพบนายกองตรีธนกฤตซึ่งเป็นเลขานุการของรัฐมนตรีในขณะนั้นที่ห้องทำงานภายในกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะมีการพูดคุยเจรจาเพื่อขอเรียกรับเงินจำนวนหนึ่งแต่นายกองตรีธนกฤตไม่ได้ตกลงจะมอบเงินหรือทรัพย์สินให้ ก่อนที่จะมีการนำเรื่องไปร้องเรียนที่กรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา
จากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในกระทรวงยุติธรรมซึ่งผลออกมาชัดเจนทั้ง 2 หน่วยว่ารัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องไม่ได้ทำการทุจริตแต่เป็นการดำเนินการที่ผิดสัญญาและสเปคที่กระทรวงระบุไว้จึงได้มีการเรียกร้องให้จ่ายค่าปรับและยกเลิกสัญญาดังกล่าว
ต่อมาในปี 2567 พบว่านายศรีสุวรรณ จรรยาและนายเจ๋งดอกจิก ยังคงยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการชุดใหม่ในสมัยรัฐบาลปัจจุบันดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวซ้ำอีก จึงมองว่าเป็นเรื่องการกระทำที่ไม่ถูกต้องและอาจเข้าข่ายการข่มขู่ตบทรัพย์ จึงให้ทนายความไปทำการเจรจากับนายศรีสุวรรณ จรรยาที่บ้าน เมื่อวันที่ 14 มกราคมเวลา 19.50 น ซึ่งนายศรีสุวรรณได้มีการเรียกรับเงินค่าดูแลอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ได้เดินทางมาเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. หลังเคยถูก นาย อ. ที่อยู่ในขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ขู่กรรโชกทรัพย์มูลค่าหลายแสนบาท เหตุเกิดช่วงระหว่างเมื่อปี 2565 ต่อเนื่องปี 2566
นายเสกสกล กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีของตนเองที่เคยแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2565 -2566 ในคดี ที่ถูก กรรโชกทรัพย์ และหมิ่นประมาท เคยแจ้งความไว้รวมทั้งหมด 6ครั้ง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นาย อ. หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการตบทรัพย์ เพราะคดียังไม่มีความคืบหน้า ส่วนรายละเอียดคดี ขอปรึกษา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก่อน แต่ที่อยากให้เร่งรัดการดำเนินคดีเพราะบุคคลเหล่านี้มีพฤติกรรมซ้ำซาก ทำแล้วทำอีกได้ใจ และมองว่าเป็นอันตรายต่อสังคม และเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง
“ที่ผ่านมาเขาคุกคามผม ขนาดผมเป็นถึงผู้ช่วยนายกฯ ยังโดนกระทำ แล้วประชาชนตาสีตาสา คนธรรมดาทั่วไป จะอยู่ยังไง ไม่อยากให้พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้น และไม่อยากให้คนเหล่านี้ มีที่ยืนในสังคมไทย ในวันนี้จึงตัดสินใจนำข้อมูลที่มีทั้งหมดมายื่นให้ เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีลงโทษตามกฎหมายให้ได้ ส่วนหลักฐานที่ทีนั้น มีค่อนข้างมากโดยเฉพาะคลิปเสียงที่เคยบันทึกไว้ด้วย” นายเสกสกล ระบุ
นายเสกสกล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ถูกนาย อ. กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ตบทรัพย์ตนเองทุกรูปแบบ จนตนเองทนไม่ไหว ต้องไปแจ้งความ และปรึกษาผู้ใหญ่หลายท่าน และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรผิดสักเรื่อง ส่วนตัวเลขที่ตนเองถูกกรรโชกทรัพย์ หลักหลายแสนบาท ตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องถึงปี 2566 อย่างไรก็ตามสำหรับคดีของตนเองนั้น ยืนยันว่า ไม่มีนาย ศ. เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนจะมี นายจ. หรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการสอบสวนอยู่แล้ว
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การมาวันนี้เป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ นายเสกสกล ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของการถูกกรรโชกทรัพย์