ป.ป.ช.เผยแพร่มติชี้มูลความผิดอาญา 2 อดีตผู้บริหาร อปท.นครปฐม ‘เดชอดุลย์ บุญมี’ อดีตนายกเทศฯ มาบแค คดีทุจริตขุดลอกคลองระบายน้ำ 4 โครงการ ให้เอกชนเข้าดำเนินการก่อนอนุมัติทำสัญญาจ้าง - ‘บุญเส็ง จูมัจฉะ’ อดีตนายกอบต.บางหลวง ร่วมกับพวก ใช้งบถมดินไม่ก่อประโยชน์ทำราชการเสียหาย พ่วงปลัดฯ ผิดวินัยร้ายแรง ส่งเรื่องลงโทษให้ออกจากราชการด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม จำนวน 2 ราย คือ 1. นายเดชอดุลย์ บุญมี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม 2. นายบุญเส็ง จูมัจฉะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับบุคคลทั้งสองแล้ว
@ นายเดชอดุลย์ บุญมี
ราย นายเดชอดุลย์ บุญมี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีดำเนินโครงการขุดลอกคลองระบายน้ำ
ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า เมื่อปี 2559 เทศบาลตำบลมาบแค โดยนายเดชอดุลย์ บุญมี นายกเทศมนตรีตำบลมาบแคดำเนินการจ้างขุดลอกคลอง 4 โครงการ
1) โครงการขุดลอกคลอง หมู่ที่ 2 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามใบสั่งจ้างเลขที่ 125/2559 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2559
2) โครงการขุดลอกคลอง หมู่ที่ 9 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามใบสั่งจ้างเลขที่ 133/2559 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2559
3) โครงการขุดลอกคลอง หมู่ที่ 9 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามใบสั่งจ้างเลขที่ 134/2559 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2559
4) โครงการขุดลอกคลอง หมู่ที่ 9 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามใบสั่งจ้างเลขที่ 135/2559 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2559
แต่ปรากฎว่าผู้รับจ้างได้เข้าดำเนินการตามโครงการเสร็จสิ้นก่อนมีการอนุมัติการจ้างและการทำสัญญาจ้าง จึงเป็นการไม่ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า พฤติการณ์ของนายเดชอดุลย์ บุญมี ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิด ฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดี และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน และคำวินิจฉัยไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน ดำเนินการตามหน้าที่กับนายเดชอดุลย์ บุญมี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 9๘ ต่อไป และแจ้งผู้บังคับบัญชา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
@ นายบุญเส็ง จูมัจฉะ
ส่วนราย นายบุญเส็ง จูมัจฉะ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหาร่วมกับพวก ใช้งบประมาณในการถมดินบริเวณหมู่ที่ 10 ตำบลบางหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2554 อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยไม่ก่อประโยชน์และทำให้ราชการได้รับความเสียหาย
ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า นายบุญเส็ง จูมัจฉะ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ได้อนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง ดำเนินโครงการถมดินเพื่อสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ (บึงหนองอ้อ) ในหมู่ที่ 10 ตำบลบางหลวง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยใช้งบประมาณจ่ายขาดเงินสะสม จำนวน 1,352,155 บาท ทั้งที่โครงการดังกล่าวไม่ปรากฏในแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ และได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการถมดินฯ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่า โครงการสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ยังไม่ปรากฏความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการได้ ทั้งในเรื่องงบประมาณและการอนุญาตให้ใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่งภายหลังดำเนินโครงการถมดินฯ แล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินโครงการสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ และที่ดินบริเวณดังกล่าวยังเป็นเพียงที่ดินรกร้างที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
นายจอมใจ กองเกตุใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในฐานะปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงที่เห็นชอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง ดำเนินโครงการถมดินเพื่อสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ (บึงหนองอ้อ) ในหมู่ที่ 10 ข้างต้น ทั้งที่โครงการดังกล่าวไม่ปรากฏในแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ และได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการถมดินฯ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าโครงการสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ ยังไม่ปรากฏความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการได้ ทั้งในเรื่องงบประมาณ และการอนุญาตให้ใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่งภายหลังดำเนินโครงการถมดินฯ แล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินโครงการสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวงแห่งใหม่ และที่ดินบริเวณดังกล่าวยังเป็นเพียงที่ดินรกร้างที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. พฤติการณ์ของนายบุญเส็ง จูมัจฉะ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลพ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
2. พฤติการณ์ของนายจอมใจ กองเกตุใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในฐานะปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จังหวัดนครปฐม เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับบุคคลทั้งสอง และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายจอมใจ กองเกตุใหญ่ และส่งสำนวนการไต่สวน ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายบุญเส็ง จูมัจฉะ ตามฐานความผิดดังกล่าว และแจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคดี ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด