เผยพฤติการณ์ 'นิสมัย ปุ่งคำน้อย' อดีตนายก อบต.นาตงวัฒนา โดนโทษหนัก คุก 20 ปี คดีรถหลวง ใช้รถยนต์ส่วนกลางไปเรียนหนังสือ มรภ.สกลนคร หลักสูตรนิติศาสตรบัณทิตช่วงดำรงตำแหน่งจนจบการศึกษา คำฟ้องระบุโทษรวม 191 กระทง เจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่พยานหลายปากยืนยันพบเห็น บางรายระบุชีวิตประจำวันมีแค่รถจักรยานยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะ
กรณี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายนิสมัย ปุ่งคำน้อย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาตงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร นำรถยนต์ส่วนกลางของ อบต.นาตงวัฒนา ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 และตามพ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาว่า นายนิสมัย ปุ่งคำน้อย จำเลย มีความผิดลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 151 (บทหนักที่สุด) จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ของ นายนิสมัย ปุ่งคำน้อย เป็นทางการว่า เป็นกรณีถูกกล่าวหานำรถยนต์ส่วนกลาง อบต.นาตงวัฒนา ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน กข 3396 สกลนคร ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวในการไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.2547 ถึงเดือน ก.ย. 2551 ซึ่งในการใช้รถดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้มีหนังสือขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางแต่อย่างใด ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง
เหตุเกิดในช่วงที่ นายนิสมัย ดำรงตำแหน่งเป็น อบต. นาตงวัฒนา นายนิสมัย ได้เข้าศึกษาหลักสูตรนิติศาสตรบัณทิต (น.บ.) ภาคพิเศษ (เสาร์-อาทิตย์) โครงการ กศ.ป. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เริ่มเข้าศึกษาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2547 จนสำเร็จการศึกษา เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2551
ในคำฟ้อง อัยการสูงสุด (อสส.) โจทก์ฟ้องแทน ป.ป.ช. ระบุว่า นายนิสมัย จำเลย นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครดังกล่าว รายกระทงรวมจำนวน 191 กระทง ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2547 ถึงจบการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ซึ่งมีพยานหลายปากให้การว่า เห็นนายนิสมัย นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เรียนหนังสือ ขณะที่พยานบางรายให้การยืนยันว่า จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะในการดำรงชีวิตประจำวัน จำเลยไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
เบื้องต้น นายนิสมัย ให้การปฏิเสธ
ก่อนที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 จะมีคำพิพากษาตัดสินว่า นายนิสมัย ปุ่งคำน้อย จำเลย มีความผิดลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 151 (บทหนักที่สุด)
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรารายงานว่าไปแล้วว่า คดียังไม่สิ้นสุด นายนิสมัย ในฐานะจำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้