พิธา มาถึงแล้ว เตรียมเข้ารับฟังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ปมถือหุ้นไอทีวี บ่ายนี้ เจ้าตัวยันมั่นใจความบริสุทธิ์ ลั่นไม่ว่าผลเป็นอย่างไร ยังทำงานรับใข้ประชาชน เป็นนักการเมืองเหมือนเดิม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 ม.ค. 2567 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ได้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อแถลงผลวินิจฉัยส่วนตัว ในคดีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ถือหุ้นไอทีวี เป็นเหตุให้พ้นสมาชิกภาพ สส.หรือไม่ ก่อนที่จะมีการลงมติ จากนั้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ก่อนจะแถลงด้วยวาจา ในเวลา 14.00 น.
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.45 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเข้าฟังคำวินิจฉัยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยตัวเอง
นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกมั่นใจตลอดมา ขอขอบคุณประชาชนและสมาชิกพรรค พนักงานในพรรคก้าวไกล ที่คอยให้กำลังใจ ขอบคุณทีมกฎหมายพรรคก้าวไกลที่ทำงานหนักมาตลอด ยังมั่นใจในข้อเท็จจริงและความบริสุทธิ์ ในตอนนี้เตรียมตารางและแผนดำเนินของตนเองในตลอดทั้งปีไม่ว่าผลจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ตาม ตามแผนดำเนินการของพรรคก้าวไกลในกรณีกลับเข้าสภาต้องหารือกับประธานสภาอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ขอฟังคำวินิจฉัยก่อน
นายพิธา กล่าวอีกว่า ยังมั่นใจกับบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลต่าง ๆ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด ถ้าดูในรายละเอียดจะพบว่าการเป็นสื่อมวลชนต้องมีใบประกอบกิจการหรือมีข้อแม้อะไรบ้าง ก็นำข้อเสนอดังกล่าวต่อสู้ในชั้นศาลไปแล้ว ลงรายละเอียดมากไม่ได้
"ไม่ว่าข้อเท็จจริงในอดีต สถานการณ์ในปัจจุบัน และเรื่องในอนาคต ก็อย่างที่บอกว่าก็ยังทำงานรับใข้ประชาชน เป็นนักการเมืองเหมือนเดิม มีแผนตลอดทั้งปีแล้ว คงใช้เวลาอีกไม่นานที่ผมได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคให้ทำโร้ดแม็ปของพรรคก้าวไกลในการทำงานในปีที่ตะถึงนี้ มีแผนรองรับแล้ว ประชาชนไม่ต้องกังวล" นายพิธา ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีของนายพิธาต่างจากนายธนาธรอย่างไร
นายพิธา ตอบว่า "ตอนนั้นศาลเห็นว่ายังมีใบประกอบกิจการยังสามารถมาผลิตนิตยสารได้ แต่ในกรณีของไอทีวีถามกสทช.แล้ว ไม่มี license (สัญญาอนุญาต) และไม่มีคลื่นความถี่ที่กลายเป็นของไทยพีบีเอส ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจตั้งต้นได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าไอทีวีจะกลับมาหรือไม่กลับมาเป็นเรื่องของอนาคต ควรจะต่างกันกับวันที่ผมปันทรัพย์ให้น้องชายไปแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมแล้ว ไม่ว่าทางใด ๆ ลงรายละเอียดได้เพียงเท่านี้"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคกระบวนการจะช้าหรือเร็วเพียงใด
นายพิธาตอบว่า ตนเองและนายชัยธวัชไม่ได้ยึดติดตำแหน่งหัวหน้าพรรค แค่ต้องการทำงาน และต้องฟังการประชุมวิสามัญเดือนเม.ย.นี้
สำหรับบรรยายกาศหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พบประชาชนได้เดินทางมาให้กำลังใจนายพิธา เป็นจำนวนมาก ประชาชนบางส่วนตะโกนให้กำลังใจนายพิธา และบางส่วนตะโกนคำว่านายกพิธา
นอกจากนี้ยังมีประชาชนบางส่วนที่อยู่ในศูนย์ราชการเข้ามาร่วมวงกับสื่อมวลชนเพื่อถ่ายรูปนายพิธาหลายราย
นอกจากนี้บรรยากาศโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัย โดยมีการนำรถจีโน่ ซึ่งเป็นรถควบคุมฝูงชนติดตั้งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง รวมทั้งรถเครื่องติดตั้งเครื่องขยายเสียงมารอแสตนด์บายด้วย
รูปจาก MGR ONLINE
ทั้งนี้ บุคคลที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ขณะที่สื่อมวลชน ทางสำนักงานฯได้อำนวยความสะดวกด้วยการติดตั้งจอทีวีพร้อมลำโพงไว้เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัย ที่บริเวณโถงกลาง ชั้น 2 ส่วนประชาชนทั่วไป สามารถติดตามผลการอ่านคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป